ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหนังสือลงวันที่ 14 มิถุนายน 2560 แจ้งผลการวินิจฉัยไปยัง น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กรณียื่นเรื่องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ... ) พ.ศ. ... มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 5 มาตรา 77 วรรคสอง มาตรา 81 มาตรา 128 และมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญ โดยผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่มีสถานะเป็นกฎหมาย ตามความในมาตรา 14 (1) พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 ที่ให้อำนาจผู้ตรวจการแผ่นดินรับไว้พิจารณาวินิจฉัยได้
ส่วนที่ร้องว่า กระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.นี้ ในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วาระสอง แบบเรียงมาตรา ได้ตัดความในมาตรา 10/1 ที่ให้มีการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเมื่อมีความพร้อมฯ ออก โดยไม่ได้มีการลงมติให้ถอนมาตราดังกล่าวก่อน และในวาระ 3 มีมติเสียงข้างมากเห็นควรประกาศใช้เป็นกฎหมาย จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยข้อบังคับ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 81 มาตรา 128 และร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบคอบ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรคสอง ก็เป็นลักษณะการร้องเรียนกระบวนการตราร่างกฎหมายว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งก็ไม่อยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับไว้พิจารณาตามมาตรา 14 (1) พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 เช่นกัน จึงเห็นควรยุติการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีความเห็นด้วยว่า การตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างกฎหมายที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ว่ามีข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นกรณีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 ที่ให้ ส.ส. ส.ว. หรือนายกรัฐมนตรี มีสิทธิเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
ส่วนที่ร้องว่า กระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.นี้ ในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วาระสอง แบบเรียงมาตรา ได้ตัดความในมาตรา 10/1 ที่ให้มีการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเมื่อมีความพร้อมฯ ออก โดยไม่ได้มีการลงมติให้ถอนมาตราดังกล่าวก่อน และในวาระ 3 มีมติเสียงข้างมากเห็นควรประกาศใช้เป็นกฎหมาย จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยข้อบังคับ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 81 มาตรา 128 และร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบคอบ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรคสอง ก็เป็นลักษณะการร้องเรียนกระบวนการตราร่างกฎหมายว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งก็ไม่อยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะรับไว้พิจารณาตามมาตรา 14 (1) พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 เช่นกัน จึงเห็นควรยุติการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีความเห็นด้วยว่า การตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างกฎหมายที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ว่ามีข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นกรณีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 ที่ให้ ส.ส. ส.ว. หรือนายกรัฐมนตรี มีสิทธิเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้