นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่ยื่นเรื่องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบการกระทำที่อาจขัดกันแห่งผลประโยชน์ของรัฐมนตรี 9 ราย รวมทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) อีก 90 ราย ตามมาเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้วนั้น ต่อมาพบว่าในความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ 479/2560 ซึ่งเป็นคณะพิเศษมีการระบุข้อเท็จจริงไว้ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการกฤษฎีกาด้วย 1 คณะจากที่มีอยู่ 14 คณะ และยังระบุต่อว่า นายวิษณุยังได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ 68/2560 ลงวันที่ 4 เม.ย.60 ให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องตามความเห็นที่ 479/2560 อีกด้วย
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า กรณีนี้จึงมีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อได้ว่า หลังจากรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับนายวิษณุ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นประธานกรรมการ และกรรมการในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ด้วย ซึ่งการมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีกับการเป็นกรรมการกฤษฎีกาตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ 68/2560 ดังกล่าวอาจเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 186 ตามมาได้ เมื่อมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายวิษณุ เพิ่มเติมขึ้นมา จะนำไปแจ้งให้ กกต. ตรวจสอบประกอบกับคำร้องเดิมต่อไปด้วย โดยจะส่งไปทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ(อีเอ็มเอส) ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ระหว่างเดินทางไปพักผ่อนส่วนตัว
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า กรณีนี้จึงมีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อได้ว่า หลังจากรัฐธรรมนูญ 2560 มีผลใช้บังคับนายวิษณุ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นประธานกรรมการ และกรรมการในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ด้วย ซึ่งการมีตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีกับการเป็นกรรมการกฤษฎีกาตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ 68/2560 ดังกล่าวอาจเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 186 ตามมาได้ เมื่อมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายวิษณุ เพิ่มเติมขึ้นมา จะนำไปแจ้งให้ กกต. ตรวจสอบประกอบกับคำร้องเดิมต่อไปด้วย โดยจะส่งไปทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ(อีเอ็มเอส) ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ระหว่างเดินทางไปพักผ่อนส่วนตัว
