นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงานราษฏร์ รัฐ ร่วมใจ รื้อครั้งใหญ่ เพื่อที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ตามนโยบายรัฐบาลโดยมีพิธีลงเสาเอกชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) และการรื้อบ้านเฟสที่ 3 จำนวน 75 หลังคาเรือน โดยมีผู้แทนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือพอช. รวมถึงชาวบ้านภายในชุมชนและเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ นายไมตรี กล่าวว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเป็นการคืนพื้นที่คลองให้กรุงเทพมหานคร สามารถสร้างเขื่อนระบายน้ำได้ ขณะเดียวกันประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนริมคลองจะได้รับการพัฒนาให้มีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
สำหรับพิธีลงเสาเอกชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) มีจำนวน 206 หลังคาเรือน บนเนื้อที่ 8 ไร่ 300 ตารางวา ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นเวลา 30 ปี คิดอัตราค่าเช่า 1.40 บาทต่อตารางวา ซึ่งชาวชุมชนได้เริ่มรวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้านตั้งแต่ปี 2558 และส่วนที่เหลือได้รับการสนับสนุนงบประมาณและสินเชื่อจากพอช. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 เฟส คือ เฟสที่ 1 จำนวน 24 หลัง และเฟสที่ 2 จำนวน 30 หลัง สร้างเสร็จและส่งมอบเรียบร้อยแล้ว เฟสที่ 3 จำนวน 93 หลัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 61 หลัง และอยู่ระหว่างรื้อย้าย 32 หลัง และเฟสที่ 4 จำนวน 59 หลัง อยู่ระหว่างรื้อย้าย 13 หลัง ทั้งนี้ชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะต้องผ่อนชำระสินเชื่อสร้างบ้านผ่านสหกรณ์เคหสถานที่ชาวบ้านร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาในอัตราเดือนละ 1,390 - 2,219 บาท อย่างไรก็ตามพอช. มีเป้าหมายดำเนินการรวม 28 ชุมชน รวม 3,969 ครัวเรือน ในชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ เมื่อถามถึงประชาชนในส่วนที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ นายไมตรี กล่าวว่า แม่น้ำริมคลองเป็นสมบัติของประชาชน ถ้าเราจัดระเบียบได้ คุณภาพชีวิตที่ดีก็จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเพื่อเยาวชนรุ่นใหม่ในอนาคตที่จะเติบโตต่อไป
สำหรับพิธีลงเสาเอกชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) มีจำนวน 206 หลังคาเรือน บนเนื้อที่ 8 ไร่ 300 ตารางวา ได้รับสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นเวลา 30 ปี คิดอัตราค่าเช่า 1.40 บาทต่อตารางวา ซึ่งชาวชุมชนได้เริ่มรวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้านตั้งแต่ปี 2558 และส่วนที่เหลือได้รับการสนับสนุนงบประมาณและสินเชื่อจากพอช. แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 เฟส คือ เฟสที่ 1 จำนวน 24 หลัง และเฟสที่ 2 จำนวน 30 หลัง สร้างเสร็จและส่งมอบเรียบร้อยแล้ว เฟสที่ 3 จำนวน 93 หลัง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 61 หลัง และอยู่ระหว่างรื้อย้าย 32 หลัง และเฟสที่ 4 จำนวน 59 หลัง อยู่ระหว่างรื้อย้าย 13 หลัง ทั้งนี้ชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะต้องผ่อนชำระสินเชื่อสร้างบ้านผ่านสหกรณ์เคหสถานที่ชาวบ้านร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาในอัตราเดือนละ 1,390 - 2,219 บาท อย่างไรก็ตามพอช. มีเป้าหมายดำเนินการรวม 28 ชุมชน รวม 3,969 ครัวเรือน ในชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ เมื่อถามถึงประชาชนในส่วนที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ นายไมตรี กล่าวว่า แม่น้ำริมคลองเป็นสมบัติของประชาชน ถ้าเราจัดระเบียบได้ คุณภาพชีวิตที่ดีก็จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเพื่อเยาวชนรุ่นใหม่ในอนาคตที่จะเติบโตต่อไป
