สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส หรือ WTI ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของโอเปกพุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 51.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากโอเปกออกรายงานประจำเดือนธ.ค.ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของกลุ่มโอเปกพุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 33.87 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานของโอเปกยังระบุด้วยว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากว่าสมาชิกโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง เพื่อลดการผลิตน้ำมันลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โอเปกระบุว่า หากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่ทำการปรับลดกำลังการผลิต ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในปีหน้าจะแตะระดับ 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมราว 300,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวในข้างต้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 51.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากโอเปกออกรายงานประจำเดือนธ.ค.ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ของกลุ่มโอเปกพุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 33.87 ล้านบาร์เรล/วัน
รายงานของโอเปกยังระบุด้วยว่า ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า นอกจากว่าสมาชิกโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง เพื่อลดการผลิตน้ำมันลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โอเปกระบุว่า หากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่ทำการปรับลดกำลังการผลิต ปริมาณน้ำมันส่วนเกินในปีหน้าจะแตะระดับ 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เดิมราว 300,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวในข้างต้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล