หุ้นปิดครึ่งวันเช้าลดลง 2.53 จุด ตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยแรงซื้อ PTT-PTTEP ช่วยประคองตลาด ขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึงตัวมาก หลังดัชนีเข้าใกล้เป้าหมายสิ้นปีที่ระดับ 1,530 จุดแล้ว
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ค่อนข้างซึมตัว มูลค่าซื้อขายไม่มากนัก หลังขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อน โดยเฉพาะปัจจัยในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ประเด็นใหม่เพิ่มเติม กดดันให้มีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นที่เกี่ยวข้อง และมีการเก็งกำไรก่อนหน้านั้น ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่สดใสมากนัก อีกทั้ง Valuation ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึงตัวมาก หลังดัชนีเข้าใกล้เป้าหมายสิ้นปีที่ระดับ 1,530 จุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันนี้ตลาดยังแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่องจากวานนี้ (1 ธ.ค.) หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นขานรับมติที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันลง โดยมีแรงซื้อนำเข้ามาในหุ้น บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ช่วยประคองตลาดไม่ให้ปรับตัวลดลงไปมากนัก แต่ยังต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจจะมีออกมาในช่วงปลายสัปดาห์หน้า จากการที่ Fund Flow อาจจะไหลออกอีกครั้งตามแรงเก็งกำไรค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะเป็นช่วงเข้าใกล้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,509.85 จุด ลดลง 2.53 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.17% มูลค่าการซื้อขาย 18,280.73 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายช่วงบ่าย คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะซึมตัวต่อ เพราะยังไม่มีแรงขับเคลื่อนใหม่เข้ามา ขณะที่การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้ อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนมากนัก เพราะการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา ออกมาในทิศทางที่ดี ทำให้คาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้แน่นอน แต่ตลาดยังคงรอดูว่า เฟดจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวสำหรับช่วงบ่ายที่ระดับ 1,505-1,513 จุด