นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ในช่วงนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นตามสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และบางส่วนมักนิยมกิจกรรมการเดินป่า ตั้งแคมป์ นอนกางเต็นท์ หรือส่องสัตว์ในป่า ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีโอกาสถูกยุงกัด และเสี่ยงต่อการป่วยไข้มาลาเรีย โดยเฉพาะผู้ที่นิยมเข้าป่าตามแนวชายแดน เนื่องจากยุงก้นปล่องที่นำเชื้อมาลาเรียจะพบมากบริเวณป่าเขาชายแดนของประเทศ
ข้อมูลจากสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 25 พฤศจิกายน 2559 พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียในประเทศไทย 16,651 ราย เป็นผู้ป่วยชาวไทย 11,600 ราย และชาวต่างชาติ 5,051 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยลดลงจากปี 2558 ในช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 18.64 กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 15-24 ปี ร้อยละ 18.07 รองลงมาคือ 25-34 ปี ร้อยละ 13.77 และ 10-14 ปี ร้อยละ 10.75 ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบตามแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอพยพข้ามพรมแดนและมีการประกอบอาชีพที่ต้องพักค้างคืนในป่า สวนไร่ ส่วนจังหวัดที่พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ยะลา ตาก สงขลา นราธิวาส อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ศรีสะเกษ เชียงราย และปัตตานี คิดเป็นร้อยละ 89.67 ของผู้ป่วยทั้งประเทศ
ข้อมูลจากสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 25 พฤศจิกายน 2559 พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียในประเทศไทย 16,651 ราย เป็นผู้ป่วยชาวไทย 11,600 ราย และชาวต่างชาติ 5,051 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยลดลงจากปี 2558 ในช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 18.64 กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 15-24 ปี ร้อยละ 18.07 รองลงมาคือ 25-34 ปี ร้อยละ 13.77 และ 10-14 ปี ร้อยละ 10.75 ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบตามแนวชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอพยพข้ามพรมแดนและมีการประกอบอาชีพที่ต้องพักค้างคืนในป่า สวนไร่ ส่วนจังหวัดที่พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ยะลา ตาก สงขลา นราธิวาส อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ศรีสะเกษ เชียงราย และปัตตานี คิดเป็นร้อยละ 89.67 ของผู้ป่วยทั้งประเทศ