xs
xsm
sm
md
lg

พบชาวดัตช์ เสี่ยงอีโบลา ลุ้นผลตรวจเลือด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมควบคุมโรคพบชาวดัตช์ อายุ 52 ปี ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอีโบลาเป็นรายที่ 2 ของไทย ระบุมีไข้สูงหลังกลับจากไนจีเรีย รับตัวรักษาห้องแยกโรค รพ.ราชวิถี ล่าสุดไข้ลดลง เผยส่งเลือดตรวจกรมวิทย์-จุฬาฯ เช่นเดิม คาดรู้ผล 12 ก.ย.

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศไทยเป็นรายที่ 2 เป็นชายชาวเนเธอร์แลนด์ อายุ 52 ปี ที่เดินทางกลับมาจากการทำธุรกิจที่ประเทศไนจีเรีย โดยเดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะผ่านด่านควบคุมโรคที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่พบว่ามีไข้ แต่ในคืนเดียวกันกลับพบว่ามีไข้ขึ้นสูง จึงเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง วัดอุณหภูมิได้ 38.9 องศาเซลเซียส เมื่อทำการซักประวัติพบว่าเข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรคอีโบลา จึงประสานนำส่งตัวผู้ป่วยที่ รพ.ราชวิถี โดยเข้ารับการรักษาที่ห้องแยกโรค

ทั้งนี้ รพ.ราชวิถี ได้เจาะเลือดและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว คาดว่าจะรู้ผลภายในวันที่ 12 ก.ย.

"ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วได้มีการสอบสวน จึงเฝ้าระวังผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดอีก 21 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 6 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด โดยจะเฝ้าระวังจนครบ 21 วัน ตามระยะฟักตัวของโรค หรือจนกว่าจะทราบผลเลือดของชายชาวไนจีเรีย และในวันที่ 12 ก.ย. จะนำกรณีผู้ป่วยรายนี้เข้าหารือร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญ"นพ.โสภณกล่าว

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า แพทย์เจ้าของไข้ ได้ทำการตรวจอาการพบว่าขณะนี้คนไข้สบายดี ไม่มีไข้ อุณหภูมิร่างกายล่าสุดอยู่ที่ 36.5 องศาเซลเซียส อาการอื่นเป็นปกติทั้งหมด แต่ยังให้อยู่ในห้องแยกโรค และมีทีมดูแลโดยเฉพาะ ซึ่งการรับผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จะวนโรงพยาบาล 4 แห่ง โดยรายแรกรับที่สถาบันบำราศนราดูร รายที่ 2 นำส่งรพ.ราชวิถี หากมีรายที่ 3 จะส่งรพ.นพรัตนราชธานี และรายที่ 4 นำส่งรพ.เลิดสิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรคอีโบลารายแรก คือ หญิงชาวกินี ซึ่งผลสุดท้าย พบว่า ป่วยด้วยโรคมาลาเรีย ขณะนี้ปล่อยตัวกลับบ้านแล้ว ส่วนก่อนหน้านั้น เป็นหญิงไทยวัย 48 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศไลบีเรีย แต่รายนี้ไม่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค เพราะอาการต่างๆ ไม่ได้เข้าข่ายต้องสอบสวนโรค แต่ที่ต้องดูอาการ เนื่องจากผู้ป่วยมีความกังวลเองเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น