วันนี้ (23 พ.ย.) เป็นวันที่สี่สิบเอ็ด ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และวันที่ยี่สิบหกในการพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ตั้งแต่เวลา 05.00 น.ที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนกราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ยังคงมีประชาชนปักหลักเดินทางมาอย่างเนืองแน่น ด้วยเพราะหัวใจทุกดวงต่างเต็มไปด้วยความภักดี และหัวใจแห่งความศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มเปี่ยมสุดหัวใจ
นางศิริญญา พันกุ้ย อายุ 46 ปี มาพร้อมลูกชาย นายศิลา-ศศิน ทองบริสุทธิ์ อายุ 20 ปี และ 17 ปี เดินทางจากพัทยาแล้วเข้าพักที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง ก่อนมาเข้าแถวช่วงเวลา 03.00 น. กล่าวว่า ตอนมาเข้าแถวมีคนมารอคิวก่อนเยอะมาก เพราะบางคนมารอตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเราก็ไม่ได้ท้อเพราะมาด้วยความตั้งใจเลยชวนลูกชายมากราบสักการะพระบรมศพ และเขาอยากจะมาด้วย โดยเราได้ปลูกฝังผ่านการบอกเล่า รวมถึงให้ดูพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ทรงทำให้แก่ประชาชนมาตั้งแต่เขายังเด็ก ทำให้เด็กรุ่นใหม่อย่างเขาค่อยๆ ได้รับรู้และซึมซับสิ่งที่พระองค์ทรงงานมาโดยตลอด ซึ่งลูกชายคนเล็กชอบงานศิลปะ มักจะวาดรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพระอิริยายถต่างๆ พร้อมเขียนคำบรรยายเล่าการทรงงานของพระองค์ประกอบด้วย
ด้านลูกชายคนโต นายศิลา ทองบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า เห็นคนมาต่อแถวกันเยอะ ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่กลับดีใจที่เห็นคนไทยมาระลึกถึงพระองค์ท่านมากมายมหาศาลขนาดนี้ เพราะแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงงานเพื่อพสกนิกรของพระองค์ไว้มากมาย จากที่ได้ศึกษาพระราชกรณียกิจของพระองค์จริงๆ แล้วเรื่องของการเป็นคนดี หรือความประหยัดอดออม เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะเป็นอยู่แล้ว แต่เมื่อพระองค์ทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี เราควรประพฤติปฏิบัติตามรอยพระองค์ท่าน รวมถึงการใช้ชีวิตแบบพอเพียง อีกทั้งการช่วยเหลือประชาชนที่ควรเฉลี่ยให้คนในต่างจังหวัดให้มากขึ้น เช่นเรื่องการศึกษาร้อยละ 75 ทุ่มมาให้การศึกษาเด็กในกรุงเทพฯ ส่วนที่เหลือกระจายไปทั่วประเทศ ทำให้เห็นว่าการยกระดับยังไม่เท่าเทียมกัน อยากให้มีการช่วยเหลือให้มากกว่านี้ จะได้เป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านที่เน้นการช่วยเหลือผู้คนในถิ่นทุรกันดารให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ยกระดับความเป็นอยู่ การศึกษาให้เท่าเทียมกัน
นางศิริญญา พันกุ้ย อายุ 46 ปี มาพร้อมลูกชาย นายศิลา-ศศิน ทองบริสุทธิ์ อายุ 20 ปี และ 17 ปี เดินทางจากพัทยาแล้วเข้าพักที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง ก่อนมาเข้าแถวช่วงเวลา 03.00 น. กล่าวว่า ตอนมาเข้าแถวมีคนมารอคิวก่อนเยอะมาก เพราะบางคนมารอตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเราก็ไม่ได้ท้อเพราะมาด้วยความตั้งใจเลยชวนลูกชายมากราบสักการะพระบรมศพ และเขาอยากจะมาด้วย โดยเราได้ปลูกฝังผ่านการบอกเล่า รวมถึงให้ดูพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ทรงทำให้แก่ประชาชนมาตั้งแต่เขายังเด็ก ทำให้เด็กรุ่นใหม่อย่างเขาค่อยๆ ได้รับรู้และซึมซับสิ่งที่พระองค์ทรงงานมาโดยตลอด ซึ่งลูกชายคนเล็กชอบงานศิลปะ มักจะวาดรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ในพระอิริยายถต่างๆ พร้อมเขียนคำบรรยายเล่าการทรงงานของพระองค์ประกอบด้วย
ด้านลูกชายคนโต นายศิลา ทองบริสุทธิ์ เปิดเผยว่า เห็นคนมาต่อแถวกันเยอะ ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่กลับดีใจที่เห็นคนไทยมาระลึกถึงพระองค์ท่านมากมายมหาศาลขนาดนี้ เพราะแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงงานเพื่อพสกนิกรของพระองค์ไว้มากมาย จากที่ได้ศึกษาพระราชกรณียกิจของพระองค์จริงๆ แล้วเรื่องของการเป็นคนดี หรือความประหยัดอดออม เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะเป็นอยู่แล้ว แต่เมื่อพระองค์ทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี เราควรประพฤติปฏิบัติตามรอยพระองค์ท่าน รวมถึงการใช้ชีวิตแบบพอเพียง อีกทั้งการช่วยเหลือประชาชนที่ควรเฉลี่ยให้คนในต่างจังหวัดให้มากขึ้น เช่นเรื่องการศึกษาร้อยละ 75 ทุ่มมาให้การศึกษาเด็กในกรุงเทพฯ ส่วนที่เหลือกระจายไปทั่วประเทศ ทำให้เห็นว่าการยกระดับยังไม่เท่าเทียมกัน อยากให้มีการช่วยเหลือให้มากกว่านี้ จะได้เป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านที่เน้นการช่วยเหลือผู้คนในถิ่นทุรกันดารให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ยกระดับความเป็นอยู่ การศึกษาให้เท่าเทียมกัน