วันนี้ (13 พ.ย.) เป็นวันที่ 16 ที่มีการพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึงเวลา 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นางรมิดา พิศรูปพรรณ วัย 73 ปี หนึ่งในพสกนิกรที่เดินทางมาจากบ้านย่านโชคชัย 4 ตั้งแต่เช้ามืด กล่าวว่า เดินทางมาจากบ้านพักคนเดียว แม้ว่าจะเดินไม่สะดวกเพราะผ่านการผ่าตัดหัวเข่าและหลังมา แต่ด้วยความตั้งใจอยากจะมากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมารอตั้งแต่เช้าจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากจิตอาสาเข็นรถเข้ามาส่งด้านใน
ขณะที่ นางวรรณี สุวลักษณ์ อายุ 60 ปี เดินทางมาจาก อ.หาดใหญ่ พร้อมด้วยญาติพี่น้องรวม 10 คน กล่าวด้วยความตื้นตันว่า ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ตี 4 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน มานอนค้างที่กรุงเทพฯ 1 คืน ก่อนจะมาเข้าแถวรอคิวตั้งแต่เมื่อตอนตี 4 วันนี้
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นางรมิดา พิศรูปพรรณ วัย 73 ปี หนึ่งในพสกนิกรที่เดินทางมาจากบ้านย่านโชคชัย 4 ตั้งแต่เช้ามืด กล่าวว่า เดินทางมาจากบ้านพักคนเดียว แม้ว่าจะเดินไม่สะดวกเพราะผ่านการผ่าตัดหัวเข่าและหลังมา แต่ด้วยความตั้งใจอยากจะมากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมารอตั้งแต่เช้าจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากจิตอาสาเข็นรถเข้ามาส่งด้านใน
ขณะที่ นางวรรณี สุวลักษณ์ อายุ 60 ปี เดินทางมาจาก อ.หาดใหญ่ พร้อมด้วยญาติพี่น้องรวม 10 คน กล่าวด้วยความตื้นตันว่า ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ตี 4 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน มานอนค้างที่กรุงเทพฯ 1 คืน ก่อนจะมาเข้าแถวรอคิวตั้งแต่เมื่อตอนตี 4 วันนี้