พสกนิกรทั่วสารทิศยังคงต่อคิวตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 16 ซึ่งในวันนี้เป็นวันครบ 1 เดือนที่รัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต ซึ่งประชาชนทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา
วันนี้ (13 พ.ย.) บรรยากาศการถวายสักการะพระบรมศพ วันที่ 16 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
นางรมิดา พิศรูปพรรณ วัย 73 ปี เดินทางมาจากบ้านย่านโชคชัย 4 ตั้งแต่เช้ามืด กล่าวว่า เดินทางมาจากบ้านพักคนเดียว แม้ว่าจะเดินไม่สะดวกเพราะผ่านการผ่าตัดหัวเข่าและหลังมา แต่ด้วยความตั้งใจอยากจะมากราบพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมารอตั้งแต่เช้าจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากจิตอาสาเข็นรถเข้ามาส่งด้านใน
“ตั้งใจจะมากราบพระบรมศพพระองค์ท่านนานแล้ว แต่ด้วยสภาพร่างกายไม่พร้อมเท่าที่ควรจึงเพิ่งมีโอกาสเดินทางมาวันนี้ บวกกับความตั้งใจที่วันนี้ครบ 1 เดือน ที่พระองค์ท่านสวรรคตด้วย ไม่ว่าลำบากแค่ไหนก็ต้องมาให้ได้ เมื่อสักครู่นี้ได้ขึ้นไปกราบพระองค์ท่านตามที่ตั้งใจแล้ว ดีใจมากๆ อธิษฐานบอกให้พระองค์ท่านบรรทมบนสวรรค์อย่างสบาย หลังจากทรงงานเพื่อประชาชนมานานกว่า 70 ปี ส่วนตัวป้าจะขอเป็นข้ารองพระบาทพระองค์ท่านไปทุกชาติ และจะดำเนินรอยตามคำที่พระองค์ท่านทรงสั่งสอนโดยเฉพาะเรื่องความอดทนที่ยึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตมาตลอด 73 ปี” ป้ารมิดากล่าวทั้งน้ำตา
ด้านนางวรรณี สุวลักษณ์ อายุ 60 ปี เดินทางมาจาก อ.หาดใหญ่ พร้อมด้วยญาติพี่น้องรวม 10 คน กล่าวด้วยความตื้นตันว่า ออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่ตี 4 วันเสาร์ที่ 12 พ.ย.มานอนค้างที่ กทม.1 คืน แล้วมาเข้าแถวรอคิวตั้งแต่เมื่อตอนตี 4
“เคยมีโอกาสรับเสด็จฯ พระองค์ท่านเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปที่ศาลากลาง จ.สงขลา เมื่อปี 2516 ถึงจะนานมากแล้วแต่ยังจดจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี วันนี้จึงตั้งใจมากๆ ที่อยากมากราบพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย ดูจากข่าวเห็นว่าคนเยอะและต้องรอนานมาก จึงเตรียมความพร้อมทั้งอาหารและน้ำมาพร้อม แต่เมื่อมาถึงที่นี่กลับไม่ต้องรอนานอย่างที่เตรียมใจไว้ ยิ่งเมื่อได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพ ดีใจมากๆ พร้อมอธิษฐานบอกให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย เพราะที่ผ่านมาท่านเหนื่อยมากแล้ว” นางวรรณีเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ขณะที่สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. หลังสำนักพระราชวังปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวังเพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.00 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 29,563 คน รวม 15 วันมี 436,891 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,345,704 บาท รวม 15 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 29,252,779 บาท
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. หลังสำนักพระราชวังปิดไม่ให้ประชาชนเข้ามาภายในพื้นที่พระบรมมหาราชวังเพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อเวลา 21.00 น. โดยมีจำนวนประชาชนที่ได้กราบสักการะพระบรมศพจำนวน 33,928 คน รวม 16 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-13 พ.ย.2559 รวมทั้งสิ้น 470,319 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระกุศลเป็นเงิน 2,238,997.25 บาท รวม 16 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 31,491,776.25 บาท