พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าการฟ้องร้องความเสียหายในโครงการรับจำข้าว ที่มีผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ องค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อตก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 853 คดีว่า ยังต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ศอตช. ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่เคยสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการ เพื่อดูภาพรวมก่อนสรุปแผนงาน ว่าจะต้องฟ้องร้องบุคคลใดบ้าง และจะพยายามเร่งให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อทำหนังสือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยเป็นการภายในแล้ว โดยจะเชิญหน่วยงานดังกล่าวให้ส่งบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมทำงานภายในสัปดาห์หน้า
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จ.บุรีรัมย์ ตรวจสอบพบงบการเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนจำนวน 20 ล้านบาทให้สมาคมกีฬา จ.บุรีรัมย์ นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายให้ประชาชนเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดว่า ขณะนี้ยังไม่มีการส่งเรื่องมายัง ศอตช. แต่หาก สตง.ส่งเรื่องมาก็ต้องตรวจสอบ ไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนเรื่องการสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่มีความล่าช้านั้น เนื่องจากสำนักงานอัยการยังไม่มีการสั่งฟ้อง แต่เชื่อว่าจะมีการสั่งฟ้องเร็วๆ นี้
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จ.บุรีรัมย์ ตรวจสอบพบงบการเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนจำนวน 20 ล้านบาทให้สมาคมกีฬา จ.บุรีรัมย์ นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายให้ประชาชนเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดว่า ขณะนี้ยังไม่มีการส่งเรื่องมายัง ศอตช. แต่หาก สตง.ส่งเรื่องมาก็ต้องตรวจสอบ ไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนเรื่องการสั่งฟ้องพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่มีความล่าช้านั้น เนื่องจากสำนักงานอัยการยังไม่มีการสั่งฟ้อง แต่เชื่อว่าจะมีการสั่งฟ้องเร็วๆ นี้
