นายแพทย์สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นโยบายที่ให้ผู้ประกันตนของ สปส.สามารถใช้บริการทันตกรรมในสถานพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วไปโดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน ได้มีผลแล้ว โดยมีสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการนี้กับ สปส. จำนวน 78 แห่ง แต่เริ่มดำเนินการนำร่องโครงการดังกล่าวใน 30 หน่วยบริการ ใน 19 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี อ่างทอง ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ ชัยภูมิ สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม ชุมพร พังงา สตูล จันทบุรี บึงกาฬ มุกดาหาร ยโสธร แพร่ อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา โดยจะประเมินผลการดำเนินการในระยะ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคมนี้ ซึ่งพิจารณาถึงจำนวนผู้ใช้บริการ ปัญหา และข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อวางแนวทางแก้ไขก่อนจะขยายผลโครงการนำร่องนี้ให้ครอบคลุมทั่วประเทศในปีหน้า
ทั้งนี้ สถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่นำร่องโครงการนี้จะมาเรียกเก็บเงินจาก สปส.โดยตรง ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดอัตราเบิกจ่ายตามจริง ไม่เกินคนละ 900 บาทต่อปี ซึ่งในส่วนของสถานพยาบาลรัฐจะยึดตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่สถานพยาบาลเอกชนจะให้แจ้งอัตราค่าบริการทันตกรรมต่างๆ มายัง สปส. เพื่อจะได้แจ้งผู้ประกันตนให้ทราบ
ทั้งนี้ สถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่นำร่องโครงการนี้จะมาเรียกเก็บเงินจาก สปส.โดยตรง ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดอัตราเบิกจ่ายตามจริง ไม่เกินคนละ 900 บาทต่อปี ซึ่งในส่วนของสถานพยาบาลรัฐจะยึดตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่สถานพยาบาลเอกชนจะให้แจ้งอัตราค่าบริการทันตกรรมต่างๆ มายัง สปส. เพื่อจะได้แจ้งผู้ประกันตนให้ทราบ