นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระแสการเสริมความงามมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งการผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด โดยเฉพาะการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะที่ ส่วนหนึ่งจะใช้วิธีการออกกำลังกาย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา แต่อีกส่วนนิยมพึ่งคลินิกเสริมความงามเพื่อใช้เครื่องมือแพทย์ดูดออก เพราะเห็นผลเร็วกว่า จากสถิติของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งนานาชาติ (ISAPS)ล่าสุดในปี 2558 พบว่า ทั่วโลกมีผู้เข้ารับบริการเสริมความงามรวม 21 ล้านกว่าคน ในส่วนของกลุ่มที่ใช้วิธีการศัลยกรรม เป็นการดูดไขมัน จำนวน 1,394,588 คน ซึ่งได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 2 รองจากการเสริมเต้านม ร้อยละ 85 เป็นเพศหญิง ส่วนใหญ่อายุอยู่ระหว่าง 19 -50 ปี ชี้ให้เห็นว่าขณะนี้ประชาชนทั้งชาย และหญิงต่างให้ความสำคัญกับการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน ซึ่งไขมันส่วนเกินจะพบมากที่หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน ทำให้ขาดความมั่นใจ จึงอาศัยวิธีลัดในการสลายไขมันส่วนเกินออก ด้วยการศัลยกรรมดูดไขมัน ซึ่งคลินิกเสริมความงามของไทยส่วนใหญ่ก็จะมีบริการดูดไขมันเป็นหนึ่งในบริการหลักเช่นกัน
“ขอเน้นย้ำว่าการเสริมความงามเป็นสิทธิส่วนบุคคล การเสริมความงามโดยวิธีการผ่าตัดทุกอย่างถือว่ามีความเสี่ยงเฉพาะตัว ดังนั้นจึงต้องศึกษาข้อมูล และผลกระทบก่อนตัดสินใจเลือกรับบริการทุกครั้ง โดยเฉพาะการศัลยกรรมดูดไขมัน ที่มีการใช้ยาชา/ยาระงับความรู้สึก และมีการสอดอุปกรณ์เข้าไปในร่างกายเพื่อดูดไขมันออก ซึ่งจะต้องกระทำโดยแพทย์เท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์แต่มาใช้เครื่องมือเสมือนว่าเป็นแพทย์ จะถือว่ามีความผิดฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” อธิบดีกรม สบส.กล่าว
ทางด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ในการรับบริการจากคลินิกเสริมความงามที่มีการใช้เครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องเลเซอร์ เครื่องดูดไขมัน ประกอบการให้บริการ ขอให้ประชาชนสังเกตผู้ใช้เครื่องมือแพทย์จะต้องตรงกับรูปของแพทย์ที่แสดงหน้าห้องตรวจ หากไม่ตรง ถือว่าเป็นหมอเถื่อน และมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ให้หลีกเลี่ยงการรับบริการและให้แจ้งที่สายด่วนกรม สบส. 02 193 7999 ทางกรม สบส.จะตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที
ทั้งนี้ การศัลยกรรมดูดไขมันเป็นวิธีการลดสัดส่วนชั่วคราว หากกระทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดอันตรายและมีผลข้างเคียงในการรักษาได้เช่น หน้าท้องไม่สมส่วน บิดเบี้ยว ผิวหย่อนยาน เป็นคลื่น เพราะแพทย์ควบคุมจุดที่จะสลายไขมันไม่เท่ากัน และยังมีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาสะสมเหมือนเดิมได้ หากไม่ได้ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และไม่มีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ประชาชนที่ต้องการลดสัดส่วนของร่างกายให้ใช้วิธีธรรมชาติ ก่อนพึ่งพาการศัลยกรรม โดยการเล่นกีฬา ออกกำลังกายด้วยท่าบริหารเฉพาะส่วน และควบคุมอาหาร ลดอาหารที่มีไขมันสูง อย่างจังค์ฟู๊ด ของทอดต่างๆ เพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ให้ได้วันละ 400 กรัม โดยในผักมีใยอาหารที่ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และช่วยลดการดูดซึมของไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งจะเป็นการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
“ขอเน้นย้ำว่าการเสริมความงามเป็นสิทธิส่วนบุคคล การเสริมความงามโดยวิธีการผ่าตัดทุกอย่างถือว่ามีความเสี่ยงเฉพาะตัว ดังนั้นจึงต้องศึกษาข้อมูล และผลกระทบก่อนตัดสินใจเลือกรับบริการทุกครั้ง โดยเฉพาะการศัลยกรรมดูดไขมัน ที่มีการใช้ยาชา/ยาระงับความรู้สึก และมีการสอดอุปกรณ์เข้าไปในร่างกายเพื่อดูดไขมันออก ซึ่งจะต้องกระทำโดยแพทย์เท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์แต่มาใช้เครื่องมือเสมือนว่าเป็นแพทย์ จะถือว่ามีความผิดฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” อธิบดีกรม สบส.กล่าว
ทางด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ในการรับบริการจากคลินิกเสริมความงามที่มีการใช้เครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องเลเซอร์ เครื่องดูดไขมัน ประกอบการให้บริการ ขอให้ประชาชนสังเกตผู้ใช้เครื่องมือแพทย์จะต้องตรงกับรูปของแพทย์ที่แสดงหน้าห้องตรวจ หากไม่ตรง ถือว่าเป็นหมอเถื่อน และมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ให้หลีกเลี่ยงการรับบริการและให้แจ้งที่สายด่วนกรม สบส. 02 193 7999 ทางกรม สบส.จะตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที
ทั้งนี้ การศัลยกรรมดูดไขมันเป็นวิธีการลดสัดส่วนชั่วคราว หากกระทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดอันตรายและมีผลข้างเคียงในการรักษาได้เช่น หน้าท้องไม่สมส่วน บิดเบี้ยว ผิวหย่อนยาน เป็นคลื่น เพราะแพทย์ควบคุมจุดที่จะสลายไขมันไม่เท่ากัน และยังมีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาสะสมเหมือนเดิมได้ หากไม่ได้ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และไม่มีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ประชาชนที่ต้องการลดสัดส่วนของร่างกายให้ใช้วิธีธรรมชาติ ก่อนพึ่งพาการศัลยกรรม โดยการเล่นกีฬา ออกกำลังกายด้วยท่าบริหารเฉพาะส่วน และควบคุมอาหาร ลดอาหารที่มีไขมันสูง อย่างจังค์ฟู๊ด ของทอดต่างๆ เพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ให้ได้วันละ 400 กรัม โดยในผักมีใยอาหารที่ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และช่วยลดการดูดซึมของไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งจะเป็นการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน