พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีวัดป่าหิมวันต์ จังหวัดเลย ซึ่งเป็นเครือข่ายวัดพระธรรมกาย บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงไม่สามารถเอามารวมเพื่อพิจารณาเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกหมายจับในข้อหาบุกรุกที่ดิน และไม่จำเป็นจะต้องนำทั้ง 2 สำนวนนี้รวมกัน เพื่อขอหมายตรวจค้นวัดพระธรรมกายอีกรอบ แต่กรณีนี้เป็นคน ๆ เดียวกันก็อาจจะประสาน สตช. เพื่อขอหมายตรวจค้นได้
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คดีทุจริตในสหกรณ์ฯมีความคืบหน้าไปมาก โดยเร็ว ๆ นี้อัยการจะส่งฟ้องในหลายเรื่อง หลายคนที่เกี่ยวข้องต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็ได้ฟ้องแพ่งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่กระทรวงยุติธรรมฟ้องอาญากลับไม่มารายงานตัว จึงไม่เข้าใจว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ได้ให้ดีเอสไอทำเอกสารชี้แจงไปยังศาลแพ่ง ถ้าหากดีเอสไอผิดก็ว่าไปตามผิด และความจริงคดีดังกล่าวไม่ควรจะต้องล่าช้า แต่รัฐบาลนี้ก็ได้เข้ามารื้อคดีนี้ขึ้นมา เพราะเรื่องเกิดมากี่ปีแล้ว จึงไม่เข้าใจว่า 5-6 ปี ทีี่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ ถ้าจบได้ในรัฐบาลนี้ก็จะดี เพราะทำให้กระบวนการยุติธรรมชัดเจนขึ้น
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คดีทุจริตในสหกรณ์ฯมีความคืบหน้าไปมาก โดยเร็ว ๆ นี้อัยการจะส่งฟ้องในหลายเรื่อง หลายคนที่เกี่ยวข้องต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็ได้ฟ้องแพ่งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่กระทรวงยุติธรรมฟ้องอาญากลับไม่มารายงานตัว จึงไม่เข้าใจว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ได้ให้ดีเอสไอทำเอกสารชี้แจงไปยังศาลแพ่ง ถ้าหากดีเอสไอผิดก็ว่าไปตามผิด และความจริงคดีดังกล่าวไม่ควรจะต้องล่าช้า แต่รัฐบาลนี้ก็ได้เข้ามารื้อคดีนี้ขึ้นมา เพราะเรื่องเกิดมากี่ปีแล้ว จึงไม่เข้าใจว่า 5-6 ปี ทีี่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ ถ้าจบได้ในรัฐบาลนี้ก็จะดี เพราะทำให้กระบวนการยุติธรรมชัดเจนขึ้น
