ดีเอสไอ เผยศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับ “พระธัมมชโย” บุกรุกพื้นที่ป่าเป็นหน้าที่ตำรวจ หากจับกุมได้พร้อมอายัดตัวดำเนินคดีรับของโจร-ฟอกเงินได้เช่นกัน ด้าน "บิ๊กต๊อก" ระบุสามารถประสานสตช. เพื่อขอหมายค้นร่วมกันกับคดีสหกรณ์คลองจั่นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องนำทั้ง 2 สำนวนมารวมกัน
จากกรณีศาลจังหวัดเลยได้อนุมัติออกหมายจับพระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ป่าสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย หนึ่งในเครือข่ายวัดพระธรรมกายซึ่งรุกพื้นที่ป่าและมีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น รวมทั้งออกเอกสาร น.ส.3 ก.เป็นเท็จ รวมเนื้อที่ 129 ไร่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้ (17 ส.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง เปิดเผยว่า การดำเนินการในส่วนคดีบุกรุกป่าเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการได้ทันที แต่ในส่วนดีเอสไอก็มีหมายจับอยู่ ฉะนั้น ไม่ว่าหน่วยงานใดดำเนินการจับกุมพระธัมมชโย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถนำหมายจับไปดำเนินการอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปได้
“ในทางกฎหมาย พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการจับกุมตัวได้ตามหมายจับอยู่แล้ว ซึ่งดีเอสไอก็เคยส่งหมายจับไปให้ สตช. เพื่อดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น หน่วยงานทั้ง 2 หน่วยมีหน้าที่ในการติดตามจับกุมตัวอยู่แล้ว หากหน่วยงานไหนจับกุมตัวได้ก็สามารถดำเนินคดีทั้ง 2 หน่วย และจากแหล่งข่าวทราบว่าพระธัมมชโยยังอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งการสืบสวนติดตามของดีเอสไอดำเนินการอย่างต่อเนื่องและประเมินสถานการณ์ความเหมาะสมเพื่อขอหมายค้นเข้าจับกุมพระธัมมชโยอยู่ตลอด”
ส่วนประเด็นที่วัดพระธรรมกายแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย ไม่ได้บุกรุกป่าที่ จ.เลย นั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า เป็นสิทธิของทางวัดพระธรรมกาย แต่ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่ศาลออกหมายจับต้องมีหลักฐานเพียงพอ โดยศาลเชื่อว่าบุคคลนั้นมีส่วนในการกระทำผิด มิฉะนั้นศาลคงไม่พิจารณาหมายจับให้ โดยทางดีเอสไอในการอนุมัติขอหมายจับนั้นก็ต้องชี้แจงพยานหลักฐานต่างๆ ว่าผู้ต้องหากระทำความผิดอย่างไร
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงไม่สามารถเอามารวม เพื่อพิจารณาเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกหมายจับ ในข้อหาบุกรุกที่ดิน และไม่จำเป็นจะต้องนำทั้ง 2 สำนวนนี้รวมกัน เพื่อขอหมายตรวจค้นวัดพระธรรมกายอีกรอบ แต่กรณีนี้เป็นคนๆ เดียวกัน อาจจะประสาน สตช. เพื่อขอหมายตรวจค้นได้
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้คดีทุจริตในสหกรณ์ฯ มีความคืบหน้าไปมาก โดยเร็วๆ นี้ อัยการจะส่งฟ้องในหลายเรื่อง หลายคนที่เกี่ยวข้องต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ก็ได้ฟ้องแพ่งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ทีกระทรวงยุติธรรมฟ้องอาญา กลับไม่มารายงานตัว จึงไม่เข้าใจว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ ได้ให้ดีเอสไอ ทำเอกสารชี้แจงไปยังศาลแพ่ง ถ้าหากดีเอสไอ ผิดก็ว่าไปตามผิด และความจริงคดีดังกล่าวไม่ควรจะต้องล่าช้า แต่รัฐบาลนี้ก็ได้เข้ามารื้อคดีนี้ขึ้นมา เพราะเรื่องเกิดมากี่ปีแล้ว จึงไม่เข้าใจว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำอะไรกันอยู่ ถ้าจบได้ในรัฐบาลนี้ก็จะดี เพราะจะทำให้กระบวนการยุติธรรมชัดเจนขึ้น
จากกรณีศาลจังหวัดเลยได้อนุมัติออกหมายจับพระเทพญาณมหามุณี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ป่าสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย หนึ่งในเครือข่ายวัดพระธรรมกายซึ่งรุกพื้นที่ป่าและมีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น รวมทั้งออกเอกสาร น.ส.3 ก.เป็นเท็จ รวมเนื้อที่ 129 ไร่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้ (17 ส.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง เปิดเผยว่า การดำเนินการในส่วนคดีบุกรุกป่าเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการได้ทันที แต่ในส่วนดีเอสไอก็มีหมายจับอยู่ ฉะนั้น ไม่ว่าหน่วยงานใดดำเนินการจับกุมพระธัมมชโย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถนำหมายจับไปดำเนินการอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปได้
“ในทางกฎหมาย พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการจับกุมตัวได้ตามหมายจับอยู่แล้ว ซึ่งดีเอสไอก็เคยส่งหมายจับไปให้ สตช. เพื่อดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น หน่วยงานทั้ง 2 หน่วยมีหน้าที่ในการติดตามจับกุมตัวอยู่แล้ว หากหน่วยงานไหนจับกุมตัวได้ก็สามารถดำเนินคดีทั้ง 2 หน่วย และจากแหล่งข่าวทราบว่าพระธัมมชโยยังอยู่ภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งการสืบสวนติดตามของดีเอสไอดำเนินการอย่างต่อเนื่องและประเมินสถานการณ์ความเหมาะสมเพื่อขอหมายค้นเข้าจับกุมพระธัมมชโยอยู่ตลอด”
ส่วนประเด็นที่วัดพระธรรมกายแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย ไม่ได้บุกรุกป่าที่ จ.เลย นั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า เป็นสิทธิของทางวัดพระธรรมกาย แต่ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่ศาลออกหมายจับต้องมีหลักฐานเพียงพอ โดยศาลเชื่อว่าบุคคลนั้นมีส่วนในการกระทำผิด มิฉะนั้นศาลคงไม่พิจารณาหมายจับให้ โดยทางดีเอสไอในการอนุมัติขอหมายจับนั้นก็ต้องชี้แจงพยานหลักฐานต่างๆ ว่าผู้ต้องหากระทำความผิดอย่างไร
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงไม่สามารถเอามารวม เพื่อพิจารณาเป็นคดีเดียวกันได้ เพราะเป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกหมายจับ ในข้อหาบุกรุกที่ดิน และไม่จำเป็นจะต้องนำทั้ง 2 สำนวนนี้รวมกัน เพื่อขอหมายตรวจค้นวัดพระธรรมกายอีกรอบ แต่กรณีนี้เป็นคนๆ เดียวกัน อาจจะประสาน สตช. เพื่อขอหมายตรวจค้นได้
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้คดีทุจริตในสหกรณ์ฯ มีความคืบหน้าไปมาก โดยเร็วๆ นี้ อัยการจะส่งฟ้องในหลายเรื่อง หลายคนที่เกี่ยวข้องต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ก็ได้ฟ้องแพ่งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ทีกระทรวงยุติธรรมฟ้องอาญา กลับไม่มารายงานตัว จึงไม่เข้าใจว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ ได้ให้ดีเอสไอ ทำเอกสารชี้แจงไปยังศาลแพ่ง ถ้าหากดีเอสไอ ผิดก็ว่าไปตามผิด และความจริงคดีดังกล่าวไม่ควรจะต้องล่าช้า แต่รัฐบาลนี้ก็ได้เข้ามารื้อคดีนี้ขึ้นมา เพราะเรื่องเกิดมากี่ปีแล้ว จึงไม่เข้าใจว่า 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำอะไรกันอยู่ ถ้าจบได้ในรัฐบาลนี้ก็จะดี เพราะจะทำให้กระบวนการยุติธรรมชัดเจนขึ้น