รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเช้าวันที่ 6 สิงหาคม พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบช.กกล.สุรนารี, นายประภาส ศรีจันทร์เวียง นายอำเภอกาบเชิง,พ.อ.อดุล บุญธรรมเจริญ ผบ.ฉก.2,นายปภพ ขอไชย ป.อาวุโส อ.กาบเชิง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือกับ พ.ท.โป เพง รอง หน.หน่วยประสานงานกัมพูชา-ไทย และคณะ ณ ห้องประชุม สน.ปทก. จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จากสถานการณ์ที่กัมพูชามีการก่อสร้างร้านค้าและโรงเรือนเล้าไก่ รุกล้ำแนวเขตประเทศไทย แนวชายแดนติดกับประตูเข้าออกด่านถาวรช่องจอม ด้านทิศตะวันออก ซึ่งเจ้าหน้าที่ สน.ปทก.(สำนักงานประสานชายแดนไทย-กัมพูชา)ได้เข้าเจรจาเบื้องต้นเพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปแต่ไม่เป็นผล ส่งผลให้ทางฝ่ายไทยได้สั่งปิดด่านถาวรช่องจอม ชั่วคราว ในเวลา 06.00 น. ประชาชนไม่สามารถผ่านเข้าออกได้
ซึ่งผลการประชุมฯ ฝ่าย กัมพูชาชี้แจงว่าการสร้างร้านค้าและโรงเรือนเล้าไก่เป็นการกระทำส่วนตัวของ หน.ตม.โอร์สเม็ด ประเทศกัมพูชา. โดยหน่วยเหนือทั้งหมดไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด และจะประสานงานในการแก้ไขปัญหาต่อไป การเจรจาเป็นที่เข้าใจกันเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายจึงได้เปิดประตูด่านฯให้ผู้คนเข้าออกได้เป็นปกติในเวลา 09.00 น.ต่อมา
จากนั้น เวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่าย ได้นัดหมายการประชุมหารือกันระหว่างผู้ว่าราชการ จ.สุรินทร์ และ ผู้ว่าราชการ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ร่วมหน่วยทหารในพื้นที่ ประกอบด้วย พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี,นายอรรถพร สิงหวิชัย ผวจ.สุรินทร์, พ.อ.อดุล บุญธรรมเจริญ ผบ.ฉก. , นายประภาส ศรีจันทร์เวียง นอภ.กาบเชิง, พ.ต.ท.บรรชิต หวังแววกลาง สารวัตร ตม.กาบเชิง และ จนท.ๆเกี่ยวข้อง เพื่อหารือการแก้ไขปัญหาก่อสร้างอาคารบริเวณพื้นที่ชายแดนช่องจอม กับ นายซอ ทาวี ผวจ.อุดรมีชัย, นายวาด ปารานิน รอง ผวจ.อุดรมีชัย,พล.อ.แง็ด จัน-ทน รองเสธฯร่วม บก.สูงสุด, พ.ท.โปว เพ็ง รอง หน.ชปกท.ประจำพื้นที่โอร์เสม็ด, พ.ต.อ.ควง ติน หน.ตม.โอร์เสม็ด, พ.อ.เอือน เพียรา ผบ.หน่วยป้องกันชายแดน 402, นายแรม พอลลาวี รองปลัดจังหวัดอุดรมีชัย,นายฮอง วัน หน.ศุลกากร โอร์เสม็ด, นางแอก สุวรรณ พิเรี๊ยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย, และ พ.ท.จุม สรัย รอง หน.สนง.ประสานงานชายแดน ภท.4
ในที่ประชุมของทั้ง 2 ฝ่าย ใช้เวลาประชุมร่วมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยในที่ประชุมฝ่ายไทยก็ยังคงยืนยันที่จะให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก เพื่อจะไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นพื้นที่ทับซ้อนและฝ่ายไทยยังคงเห็นว่าเป็นเขตของไทย ที่ผ่านมามีข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่าย ปลูกสร้างสิ่งต่างๆในพื้นที่ ซึ่งการประชุมเป็นไปด้วยความเข้าใจของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเอง ก็ได้ชี้แจงถึงโรงเรือนเล้าไก่ เป็นเรื่องส่วนตัวของ หน.ตม.โอร์เสม็ด เรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบแล้ว และจะหาวิธีที่ดีเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับฝ่ายไทย เนื่องจากกัมพูชาเอง ก็เห็นว่าพื้นที่ด่านช่องจอม มีความสำคัญของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เพื่อที่ไม่ให้มีการปิดด่านเกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความเดือดร้อน โดยทางกัมพูชาก็ยอมรับว่าได้สร้างสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นโรงเรือนเล้าไก่จริง เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันกัมพูชาก็จะยอมรื้อถอนออก และจะไม่มีการก่อสร้างใดๆ เพิ่มเติมเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวอีก
หลังจากประชุมร่วมกันเสร็จ คณะทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีการก่อสร้างโรงเรือนเล้าไก่และร้านค้า ดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากประตูด่านช่องจอม ไปทางทิศตะวันออก โดยโรงเรือนดังกล่าว มีลักษณะเป็นโรงเรือนใช้สำหรับเลี้ยงไก่ แต่มีขนาดใหญ่ สร้างขึ้นด้วยเหล็กและสังกะสี ซึ่งมีอยู่ 2 หลังติดกัน ลึกเข้ามายังฝั่งไทย
สำหรับพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย แต่มีการตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จะไม่ให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นในพื้นที่ จนกว่าจะมีการปักปั่นเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ ก็ได้มีการจับมือกัน เพื่อแสดงออกถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรอีกด้วย
ด้านพล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี เปิดเผยว่า เมื่อเช้าเราไม่ได้ปิดด่านแต่อย่างใด เป็นเพียงการปิดกั้นชั่วคราว เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกันชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชายอมรื้อถอนเล้าไก่ออกไป
ซึ่งผลการประชุมฯ ฝ่าย กัมพูชาชี้แจงว่าการสร้างร้านค้าและโรงเรือนเล้าไก่เป็นการกระทำส่วนตัวของ หน.ตม.โอร์สเม็ด ประเทศกัมพูชา. โดยหน่วยเหนือทั้งหมดไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด และจะประสานงานในการแก้ไขปัญหาต่อไป การเจรจาเป็นที่เข้าใจกันเบื้องต้นทั้งสองฝ่ายจึงได้เปิดประตูด่านฯให้ผู้คนเข้าออกได้เป็นปกติในเวลา 09.00 น.ต่อมา
จากนั้น เวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่าย ได้นัดหมายการประชุมหารือกันระหว่างผู้ว่าราชการ จ.สุรินทร์ และ ผู้ว่าราชการ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ร่วมหน่วยทหารในพื้นที่ ประกอบด้วย พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี,นายอรรถพร สิงหวิชัย ผวจ.สุรินทร์, พ.อ.อดุล บุญธรรมเจริญ ผบ.ฉก. , นายประภาส ศรีจันทร์เวียง นอภ.กาบเชิง, พ.ต.ท.บรรชิต หวังแววกลาง สารวัตร ตม.กาบเชิง และ จนท.ๆเกี่ยวข้อง เพื่อหารือการแก้ไขปัญหาก่อสร้างอาคารบริเวณพื้นที่ชายแดนช่องจอม กับ นายซอ ทาวี ผวจ.อุดรมีชัย, นายวาด ปารานิน รอง ผวจ.อุดรมีชัย,พล.อ.แง็ด จัน-ทน รองเสธฯร่วม บก.สูงสุด, พ.ท.โปว เพ็ง รอง หน.ชปกท.ประจำพื้นที่โอร์เสม็ด, พ.ต.อ.ควง ติน หน.ตม.โอร์เสม็ด, พ.อ.เอือน เพียรา ผบ.หน่วยป้องกันชายแดน 402, นายแรม พอลลาวี รองปลัดจังหวัดอุดรมีชัย,นายฮอง วัน หน.ศุลกากร โอร์เสม็ด, นางแอก สุวรรณ พิเรี๊ยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย, และ พ.ท.จุม สรัย รอง หน.สนง.ประสานงานชายแดน ภท.4
ในที่ประชุมของทั้ง 2 ฝ่าย ใช้เวลาประชุมร่วมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยในที่ประชุมฝ่ายไทยก็ยังคงยืนยันที่จะให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก เพื่อจะไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นพื้นที่ทับซ้อนและฝ่ายไทยยังคงเห็นว่าเป็นเขตของไทย ที่ผ่านมามีข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่าย ปลูกสร้างสิ่งต่างๆในพื้นที่ ซึ่งการประชุมเป็นไปด้วยความเข้าใจของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเอง ก็ได้ชี้แจงถึงโรงเรือนเล้าไก่ เป็นเรื่องส่วนตัวของ หน.ตม.โอร์เสม็ด เรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบแล้ว และจะหาวิธีที่ดีเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับฝ่ายไทย เนื่องจากกัมพูชาเอง ก็เห็นว่าพื้นที่ด่านช่องจอม มีความสำคัญของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เพื่อที่ไม่ให้มีการปิดด่านเกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความเดือดร้อน โดยทางกัมพูชาก็ยอมรับว่าได้สร้างสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นโรงเรือนเล้าไก่จริง เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันกัมพูชาก็จะยอมรื้อถอนออก และจะไม่มีการก่อสร้างใดๆ เพิ่มเติมเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวอีก
หลังจากประชุมร่วมกันเสร็จ คณะทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่มีการก่อสร้างโรงเรือนเล้าไก่และร้านค้า ดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากประตูด่านช่องจอม ไปทางทิศตะวันออก โดยโรงเรือนดังกล่าว มีลักษณะเป็นโรงเรือนใช้สำหรับเลี้ยงไก่ แต่มีขนาดใหญ่ สร้างขึ้นด้วยเหล็กและสังกะสี ซึ่งมีอยู่ 2 หลังติดกัน ลึกเข้ามายังฝั่งไทย
สำหรับพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย แต่มีการตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จะไม่ให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นในพื้นที่ จนกว่าจะมีการปักปั่นเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ ก็ได้มีการจับมือกัน เพื่อแสดงออกถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรอีกด้วย
ด้านพล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี เปิดเผยว่า เมื่อเช้าเราไม่ได้ปิดด่านแต่อย่างใด เป็นเพียงการปิดกั้นชั่วคราว เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกันชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชายอมรื้อถอนเล้าไก่ออกไป
