สุรินทร์- กกล.สุรนารีร่วมหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวชายแดน รวมทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล และความมั่นคง พบชาวกัมพูชาจากทั่วประเทศแห่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลยังโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนในเมืองช้างเนืองแน่น พร้อมชอปปิ้ง ท่องเที่ยว ใช้บริการร้านอาหารกันจำนวนมาก แทนเดินทางไปซื้อสินค้าที่เวียดนาม ทำการค้า-ท่องเที่ยวสุรินทร์คึกคัก
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ห้องประชุมเหมะบุตร กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี จ.สุรินทร์ พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) ได้เป็นประธานประชุมหน่วยงานประจำด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมด้วยหน่วยงานราชการใน จ.สุรินทร์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลรัฐและเอกชน สถานศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งขนส่งจังหวัด สรรพสามิตจังหวัด ศุลกากรช่องจอม และผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรมที่พักต่างๆ ในจังหวัดสุรินทร์
ทั้งเพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้สอดคล้องกับการเปิดประตูสู่อาเซียน และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนบริเวณด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ให้มีความสะดวกปลอดภัย รองรับความเจริญด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ พบว่าในแต่ละวันขณะนี้ชาวกัมพูชา จากทั่วประเทศนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และรถเช่าเหมาข้ามด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง เข้ามาทำการรักษาตัวยังโรงพยาบาลทั้งของรัฐ และเอกชนในตัวเมืองสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง 2 แห่งใน จ.สุรินทร์ แทบจะมีแต่ผู้ป่วยและญาติชาวกัมพูชาที่เดินทางมารักษาตัวแน่นโรงพยาบาลเกือบทุกวัน
นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ผู้ประกอบการโรงพยาบาลรวมแพทย์หมออนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าชาวกัมพูชาจากทั่วประเทศได้เดินทางเพื่อมารักษาตัวในโรงพยาบาลใน จ.สุรินทร์กันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลของรัฐ เรียกได้ว่ามาจนแน่นโรงพยาบาล สาเหตุเป็นเพราะว่าชาวกัมพูชามีความชื่นชอบการรักษาคนไข้ของแพทย์ และพยาบาลชาวไทย ที่มีความรู้ความสามารถรักษาโรคได้ตรงตามอาการ และแพทย์พยาบาลที่ จ.สุรินทร์สามารถพูดภาษาเขมร หรือภาษาชาวกัมพูชาได้ ทำให้คนไข้ชาวกัมพูชามีความมั่นใจในการรักษาโรค
“เชื่อว่าต่อจากนี้ไปเมื่อการข้ามแดนและการเดินทางเข้ามายังตัวเมือง จ.สุรินทร์มีรถยนต์บริการที่สะดวกขึ้น ชาวกัมพูชาจะเข้ามากขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน และมีการจับจ่ายซื้อขายสินค้ามากขึ้น อีกทั้งยังพบว่าบรรดาญาติๆ ของผู้ป่วยที่ติดตามมายังได้ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทั้งใน จ.สุรินทร์ และเดินทางไปเที่ยวยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น จ.บุรีรัมย์ ด้วย” นพ.อนันต์กล่าว
ขณะที่ผู้ประกอบการห้างร้านค้าปลีก ค้าส่งขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่พักโรงแรมหลายแห่งใน จ.สุรินทร์ ต่างยืนยันว่าขณะนี้มีชาวกัมพูชาจำนวนมากได้เดินทางเข้ามายังตัวเมืองสุรินทร์เพื่อหาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และนำกลับไปยังกัมพูชา ขณะที่บรรดาร้านอาหารต่างๆ มีชาวกัมพูชานิยมเดินทางเข้ามารับประทานอาหารและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ที่พัก โรงแรมมีชาวกัมพูชาเข้ามาพักและท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์เติบโตมากขึ้น
อีกทั้งคาดว่าชาวกัมพูชาจะนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวมาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค และรักษาพยาบาลใน จ.สุรินทร์มากขึ้น แทนการเดินทางไปซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคจากประเทศเวียดนาม เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการของชาวกัมพูชาเป็นอย่างมาก
ด้าน พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ดำเนินการสร้างความร่วมมือกับชาวกัมพูชา โดยกำหนดกรอบการทำงานด้านชายแดนขึ้นมา 5 เรื่องหลัก คือ 1. เรื่องการรักษาพยาบาลทั้งคนไทยและกัมพูชา 2. เรื่องการศึกษาทั้งคนไทยและกัมพูชา 3. การค้าขาย 4. การท่องเที่ยว และ 5. เรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน ซึ่ง กกล.สุรนารียังได้สนับสนุนการเปิดช่องสายตากูที่ จ.บุรีรัมย์ ด้วย
ส่วนที่ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีการพัฒนาพื้นที่ด่านช่องจอมให้มีความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ในตัวเมืองสุรินทร์ให้มีความสะอาดสวยงาม ปลอดภัย ซึ่งกองกำลังสุรนารีประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ สื่อมวลชน เพื่อพัฒนาพื้นที่ด้วยกัน พร้อมได้มีการพัฒนาสวนเฉลิมพระเกียรติ ตลาดน้ำ เพื่อเป็นที่พักผ่อนและออกกำลังกาย
“สำหรับวันนี้เราได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการ ผู้ประกอบการร้านค้า การรักษาพยาบาล ต่างยอมรับว่าทุกวันนี้ชาวกัมพูชาเข้ามารักษาพยาบาลใน จ.สุรินทร์ มากเหลือเกิน ซึ่งมาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศกัมพูชา โรงแรงที่พัก ร้านอาหาร บอกว่าขายได้มากขึ้น โรงพยาบาลของรัฐเองไม่มีผลกระทบต่อการรักษา ยังมีรายได้จากการรักษาชาวกัมพูชาอีก 45 ล้านบาท ช่วยสร้างความเจริญให้แก่จังหวัดสุรินทร์ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ขณะที่ชาวกัมพูชามีความสุขที่มารักษาพยาบาลที่บ้านเราแล้วหายป่วย มาเที่ยวบ้านเราแล้วได้รับไมตรีที่ดีจากคนสุรินทร์ ส่งผลที่ดีต่อความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับชาวกัมพูชา และจะมีการพัฒนาตามแบบแนวทางนี้ ที่ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ, ช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี และช่องสายตากู จ.บุรีรัมย์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้พวกเราต้องช่วยกันพัฒนาประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ต่อไป” พล.ต.สนธยากล่าวในตอนท้าย