นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ครั้งที่ 12 ว่า การก่อสร้างโครงการในเบื้องต้นใช้วงเงิน 179,000 ล้านบาท คาดว่าภายในเดือน ส.ค.59 นี้จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณารายละเอียดโครงการก่อสร้าง โดยเฉพาะมูลค่าการก่อสร้างที่รวมงานโยธาและระบบราง ระบบอาณัติสัญญาณ และตัวรถไฟ และจะเริ่มประกวดราคาเพื่อคัดเลือกผู้รับเหมาภายในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตามตามกรอบข้อตกลงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มีไว้กับนายกรัฐมนตรีประเทศจีน
สำหรับแผนการก่อสร้างนั้นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยการก่อสร้างระยะแรกจะอยู่ที่ 3.5 กม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและประเมินราคาจากฝ่ายจีน ส่วนระยะที่ 2 ระยะทาง 11 กม. ปัจจุบันพบปัญหาด้านกายภาพ 2 จุดที่สถานีกลางดง เพราะเป็นดินสไลด์ หรือเกิดปัญหาดินอ่อน ทำให้ต้องปรับแนวเส้นทางใหม่ ทำให้จีนขอเลื่อนแผนการส่งมอบแบบก่อสร้างจากเดือน ต.ค.เป็นเดือน พ.ย. เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงแนวก่อสร้างจะต้องได้มาตรฐาน, ระยะที่ 3 ระยะทาง 119 กม. และระยะที่ 4 ระยะทาง 119 กม. รวมเป็นระยะทางทั้งหมด 253 กม.
นายอาคมกล่าว่า รายละเอียดที่ยังตกลงกันไม่ได้ เป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายการศึกษาความเหมาะสมของโครงการและเรื่องการอบรม ซึ่งขอให้จีนแยกกันชัดเจน เพราะไทยให้จีนรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ขณะที่ด้านเงินลงทุนนั้นให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการอาจใช้เงินกู้ หรืองบประมาณบางส่วน
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือเอ็กซิมแบงก์ของจีนได้หารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ไทย และเสนอเงินดูในอัตราดอกเบี้ย 3.2% และเงินสกุลเหรียญสหรัฐคิดอัตราดอกเบี้ย 2% ซึ่งได้มอบหมายให้จีนเปรียบเทียบเงินของทั้ง 2 สกุล เนื่องจากไทยจะต้องมีการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศใช้ในงานก่อสร้าง จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ขณะที่พื้นที่ 2 ข้างทางที่พัฒนาในเชิงพาณิชย์นั้น ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จะเป็นผู้ดำเนินการเอง และกำลังศึกษารายละเอียดอยู่
นายอาคมกล่าวถึงการจัดซื้อตัวรถนั้น เกี่ยวกับสัญญาว่าจ้างกับทางจีน เกี่ยวกับการจัดซื้อตัวรถ ซึ่งขณะนี้มีหลายข้อที่ความเห็นยังแตกต่างกัน โดยสัญญาระบบรางและรถไฟความเร็วสูงหรืออีพีซี 2 ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน ระบบตัวรถ และอาณัติสัญญาณนั้น ได้แยกสัญญาออกเป็น 3 สัญญา คือ 1.สัญญาออกแบบ 2.ควบคุมงาน และ 3.จัดหาระบบตัวรถ อาณัติสัญญาณ ส่วนสัญญาอีพีซี 1 เกี่ยวกับการก่อสร้างหรือการเปิดประมูล อย่างไรก็ตาม ได้ทำหนังสือให้จีนเข้าพื้นที่ออกแบบการก่อสร้างเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินงาน
สำหรับแผนการก่อสร้างนั้นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ โดยการก่อสร้างระยะแรกจะอยู่ที่ 3.5 กม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและประเมินราคาจากฝ่ายจีน ส่วนระยะที่ 2 ระยะทาง 11 กม. ปัจจุบันพบปัญหาด้านกายภาพ 2 จุดที่สถานีกลางดง เพราะเป็นดินสไลด์ หรือเกิดปัญหาดินอ่อน ทำให้ต้องปรับแนวเส้นทางใหม่ ทำให้จีนขอเลื่อนแผนการส่งมอบแบบก่อสร้างจากเดือน ต.ค.เป็นเดือน พ.ย. เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงแนวก่อสร้างจะต้องได้มาตรฐาน, ระยะที่ 3 ระยะทาง 119 กม. และระยะที่ 4 ระยะทาง 119 กม. รวมเป็นระยะทางทั้งหมด 253 กม.
นายอาคมกล่าว่า รายละเอียดที่ยังตกลงกันไม่ได้ เป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายการศึกษาความเหมาะสมของโครงการและเรื่องการอบรม ซึ่งขอให้จีนแยกกันชัดเจน เพราะไทยให้จีนรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ขณะที่ด้านเงินลงทุนนั้นให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการอาจใช้เงินกู้ หรืองบประมาณบางส่วน
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือเอ็กซิมแบงก์ของจีนได้หารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ไทย และเสนอเงินดูในอัตราดอกเบี้ย 3.2% และเงินสกุลเหรียญสหรัฐคิดอัตราดอกเบี้ย 2% ซึ่งได้มอบหมายให้จีนเปรียบเทียบเงินของทั้ง 2 สกุล เนื่องจากไทยจะต้องมีการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศใช้ในงานก่อสร้าง จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ขณะที่พื้นที่ 2 ข้างทางที่พัฒนาในเชิงพาณิชย์นั้น ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จะเป็นผู้ดำเนินการเอง และกำลังศึกษารายละเอียดอยู่
นายอาคมกล่าวถึงการจัดซื้อตัวรถนั้น เกี่ยวกับสัญญาว่าจ้างกับทางจีน เกี่ยวกับการจัดซื้อตัวรถ ซึ่งขณะนี้มีหลายข้อที่ความเห็นยังแตกต่างกัน โดยสัญญาระบบรางและรถไฟความเร็วสูงหรืออีพีซี 2 ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน ระบบตัวรถ และอาณัติสัญญาณนั้น ได้แยกสัญญาออกเป็น 3 สัญญา คือ 1.สัญญาออกแบบ 2.ควบคุมงาน และ 3.จัดหาระบบตัวรถ อาณัติสัญญาณ ส่วนสัญญาอีพีซี 1 เกี่ยวกับการก่อสร้างหรือการเปิดประมูล อย่างไรก็ตาม ได้ทำหนังสือให้จีนเข้าพื้นที่ออกแบบการก่อสร้างเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินงาน
