xs
xsm
sm
md
lg

คอมแพ็กต์เอสยูวีเดือด! ส่งรถใหม่-หั่นราคาชน… พาส่องสเปกประชันจุดเด่นโดนใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รถเอสยูวีนับเป็นตลาดที่กำลังมาแรง เห็นได้จากยอดขายโตสวนภาพรวมตลาดรถในไทย ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของผู้บริโภค และการแตกเซกเม้นท์ย่อยใหม่ๆ ของกลุ่มรถเอสยูวี เพื่อขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวตลาดหลักเดิมๆ อย่างกลุ่มคอมแพ็กต์ หรือซี-เอสยูวี (Compact SUV) ยังคงแข่งขันร้อนแรง เห็นได้จากการปรับโฉม แนะนำรถรุ่นใหม่ๆ หรือแคมเปญดันยอดขาย ส่วนจะร้อนแรงแค่ไหน? และเมื่อเจาะข้อมูลเทคนิคแล้วมีดีเด่นอย่างไร? ไปดูกัน...

ส่งรถรุ่นใหม่-หั่นราคาเปิดศึกชิงยอด

ตลาดรถอเนกประสงค์กลุ่มเอสยูวี ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-เม.ย.) ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายรถเอสยูวีหลักๆ ของตลาด จากรายงานของหอการค้าญี่ปุ่น(JCC) โดยกลุ่มผู้ประกอบการรถญี่ปุ่น(ยกเว้นซูบารุ)และสหรัฐอเมริกา นับว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตเป็นบวก 18.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือมียอดขายกว่า 3.38 หมื่นคัน

การเติบโตของตลาดเอสยูวี ปัจจัยสำคัญมาจากการเพิ่มทางเลือก ในเซกเม้นท์ย่อยใหม่ๆ อย่างซับคอมแพกต์เอสยูวี (B-SUV) ที่มีราคาในระดับต่ำกว่าล้านบาทลงมา ขณะที่ตลาดเดิมของกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวี (C-SUV) อาทิ ฮอนด้า ซีอาร์-วี หรือมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนก่อน แต่ก็ยังเป็นตลาดหลักที่รายเก่าและใหม่ ต่างต้องการเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาด

ทั้งนี้จะเห็นได้จากความเคลื่อนไหว ในการแนะนำรถรุ่นใหม่สู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นการไมเนอร์เชนจ์ของ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-5” หรือการเปิดตัวของรถคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่ “เอ็มจี จีเอส” สู่ตลาดไทย รวมถึงการปรับโฉมของ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” ใหม่ ในช่วงปลายไตรมาสแรกปีนี้เช่นกัน

เท่านั้นไม่พอซูบารุยังปรับตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของฟอเรสเตอร์ ให้ลงมาแข่งในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์เอสยูวีญี่ปุ่นด้วยกัน หลังจากได้ขึ้นไลน์ประกอบในมาเลเซีย(เดิมนำเข้าจากญี่ปุ่น) จึงเข้ากรอบข้อตกลงเสรีการค้าในอาเซียน ส่งมาขายในไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ทำให้วางราคาแข่งขันในกลุ่มเอสยูวีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร หรือราคา 1.2- 1.5 ล้านบาทได้

ล่าสุดยังเขย่าตลาดคอมแพ็กต์เอสยูวีอีกรอบ ด้วยการปรับราคาฟอเรสเตอร์อีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2016 เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซูบารุได้ประกาศราคารถที่จำหน่ายในไทยใหม่ โดยหนึ่งในนั้นเป็นซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ ซึ่งในรุ่น 2.0i ปรับราคาลง 2 แสนบาท หรือเป็น 1.198 ล้านบาท และรุ่น 2.0i-P ราคาใหม่ 1.398 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 1.498 ล้านบาท

นับเป็นค่ายแรกที่สวนตลาด เปิดเกมสงครามราคาทำฮือฮาไปทั้งวงการ หลังจากประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายมาแล้ว จากใช้กลยุทธ์เดียวกันกับ “ซูบารุ เอ็กซ์วี” ขณะที่ค่ายอื่นๆ ต้องปรับราคาขึ้น (ดูราคาของแต่ละยี่ห้อจากตารางข้อมูลเทคนิคประกอบ) จากผลกระทบของโครงสร้างภาษีสรรถสามิตใหม่...

ขุมกำลังมีเลือกพื้นๆ ไปทะลุ 200 แรงม้า

ทั้งนี้ในกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวีเป็นตลาดที่มีตัวเลือกหลากหลาย แม้แต่ในรุ่นเดียวกันยังมีรุ่นย่อย หรือเครื่องยนต์ให้เลือกมากมาย แต่ยอดขายหลักส่วนใหญ่ 60-70% จะมาจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ดังนั้นในรายงานนี้จึงเน้นเฉพาะขุมพลังดังกล่าว และมีราคาไม่เกิน 1.4 ล้านบาท เพื่อทำการเปรียบเทียบข้อมูลเทคนิค เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้บริโภค นอกจากเรื่องของราคา หรือกิจกรรมส่งเสริมการขาย

หากเปรียบเทียบจากเงื่อนไขดังกล่าว จะมีเพียง “เชฟโรเลต แคปติวา” ที่เพิ่งแนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องนำรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร มาประกบกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรของยี่ห้ออื่นๆ โดยแคปติวามีบล็อก 2.0 ลิตรให้เลือกเช่นกัน แต่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล และราคารุ่นเริ่มต้นอาจจะเกือบ 1.4 ล้านบาท ถึงอย่างนั้นตัวอื่นก็ทะลุไปมาก และยังมีคู่แข่งในกลุ่มเครื่องยนต์ดีเซลให้เปรียบเทียบ จึงไม่ขอนำมารวมในบทความนี้...

จากการที่แคปติวาวางขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ทำให้ในช่วงที่ผ่านมากำลังของแคปติวามากที่สุดในกลุ่ม แต่หลังจากการเปิดตัวของน้องใหม่ “เอ็มจี จีเอส” ที่มากับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่เลี้ยงม้าไว้ในคอกมากถึง 218 ตัว และแรงบิดยังมหาศาล 350 นิวตัน-เมตร น่าจะตอบสนองผู้ชื่นชอบความแรงอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม นั่นก็ต้องแลกมากับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงสุดเช่นกัน (ดูตารางข้อมูลเทคนิคประกอบ)

ส่วนใครที่ชื่นชอบความแรงและประหยัด เห็นจะต้องพิจารณา “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” แม้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร จะให้กำลัง 144 แรงม้า แต่เมื่อยามต้องการกำลังเครื่องยนต์เบนซินจะทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 41 แรงม้า รวมกำลังสูงสุดได้ 179 แรงม้า เรียกว่าตอบสนองได้จี๊ดจ๊าดทีเดียว และจากการใช้พลังงานทดแทนผสมผสาน ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำสุดในกลุ่มด้วย(ตามข้อมูลอีโคสติ๊กเกอร์- ดูตารางข้อมูลเทคนิคประกอบ) จึงไม่แปลกที่นิสสัน เอ็กซ์-เทรล จะผงาดขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดแทน ฮอนด้า ซีอาร์-วี

"มาสด้า ซีเอ็กซ์-5" เป็นอีกรุ่นที่ให้กำลังและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดดเด่น แม้จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา 2.0 ลิตร แต่ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟจึงรีดกำลังได้ถึง 165 แรงม้า และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 6.9 ลิตร/ 100 กม. หรือประมาณ 15 กม./ลิตร นับว่าดีที่สุดในกลุ่มเครื่องยนต์เบนซินด้วยกัน และใกล้เคียงกับรุ่นเอ็กซ์-เทรล ไฮบริด ที่ทำได้ 6.4 ลิตร/ 100 กม.

ทำให้ปัจจุบันซีเอ็กซ์-5 มียอดขายขยับขึ้นมาใกล้เคียงกับฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่ตอนนี้เข้าสู่ปลายโมเดลแล้ว ดังนั้นตัวเลขต่างๆ อาจจะด้อยกว่าคู่แข่ง รวมถึงยอดขายที่ย่อมต้องแผ่วลง แต่ด้วยชื่อชั้นจึงหล่นมาแค่ตำแหน่งเดียว ขณะที่ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” ขุมกำลังตามตัวเลขในกระดาษอาจจะไม่เด่น แต่การติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD ในทุกรุ่นเพื่อคนชอบลุย และหลังจากปรับราคาลงมาสะเทือนวงการครั้งนี้ คงต้องติดตามกันว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่?

ออปชัน-ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม

ในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ปกติจะจัดมาให้กันเต็มที่อยู่แล้ว ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่น้องใหม่อย่าง เอ็มจี จีเอส ค่อนข้างโดดเด่นกับระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติครบทุกรุ่น เช่นเดียวกันฮอนด้า ซีอาร์-วี และนิสสัน เอ็กซ์-เทรล ซึ่งต่างไม่มีเฉพาะในรุ่นเริ่มต้น และเอ็กซ์-เทรลยังมากับประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติป้องกันการหนีบ หรือฟอเรสเตอร์ที่เป็นปุ่มเปิด-ปิดไฟฟ้า ขณะที่รุ่นจีเอสยังมากับหลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าในรุ่นท็อป

สำหรับอุปกรณ์ความสะดวกสบายภายใน ทั้งหมดมากับปุ่มสตาร์ทอัตโนมัติ หรือปุ่มควบคุมต่างๆ บนพวงมายัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ รวมถึงเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าสูงสุดถึง 8 ทิศทาง ในมาสด้า ซีเอ็กซ์-5, ฮอนด้า ซีอาร์-วี และเชฟโรเลต แคปติวา ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็จะอยู่ที่ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งโดยสารจะปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

อุปกรณ์รองรับความบันเทิง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในรถยนต์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการรองรับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายยุคดิจิตอล จึงเป็นธรรมดาจะต้องเครื่องเล่นและอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ มาให้ทุกรุ่น ระบบรองรับคำสั่งด้วยเสียง รวมถึงหน้าจอสัมผัสที่ส่วนใหญ่จะมากับขนาด 7 นิ้ว ที่ใหญ่ขนาด 8 นิ้ว จะเป็นน้องใหม่ เอ็มจี จีเอส เจ้าเดิมที่จัดมาให้เต็ม รวมถึงระบบนำทางที่ติดตั้งมาในทุกรุ่น

ระบบความปลอดภัยเป็นอีกอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญ ทุกรุ่นจึงถูกติดตั้งมาครบครันกันเลยทีเดียว แต่ที่มาครบทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย จะเป็นฮอนด้า ซีอาร์-วี, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ซึ่งรายหลังยังเพิ่มถุงลมนิรภัยป้องกันเข่าด้วย หรืออย่างซีเอ็กซ์-5 จะติดตั้งระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน และระบบเตือนแรงดันลมยาง ที่ติดตั้งมาเช่นเดียวกับ เอ็มจี จีเอส หรือในรถเชฟโรเลต แคปติวา จะมีระบบเตือนมุมอับสายตาเพิ่มเข้ามา ส่วนซีอาร์-วีจะเป็นการเตือนแบบแสดงภาพ และนิสสัน เอ็กซ์-เทรล จะมีกล้องมองภาพรอบทิศทางที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ

มองราคา-ความคุ้มค่าคอมแพ็กต์เอสยูวี

การประกาศราคาใหม่ของ “ซูบารุ ฟอเรสเตอร์” ย่อมส่งผลสะเทือนตลาดทีเดียว ด้วยราคาเริ่มต้นที่ต่ำสุดในกลุ่ม โดยขุมกำลังตามตัวเลขในกระดาษอาจจะไม่เด่นมากนัก แต่มีทีเด็ดกับระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ AWD เอาใจขาลุย

ส่วนรถที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของขุมกำลังและการประหยัดเชื้อเพลิง “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด” ที่สำคัญมีตัวเลือกหลากหลายถึง 3 รุ่นย่อย ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1.304-1.379 ล้านบาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1.450 ล้านบาท จึงไม่แปลกที่นิสสันจะผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวี

"มาสด้า ซีเอ็กซ์-5"  เป็นอีกรุ่นที่คุ้มค่าทั้งในเรื่องของสมรรถนะกำลังและการประหยัดน้ำมัน รวมถึงอุปกรณ์ระบบความปลอดภัย จึงเป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม แต่ถ้าเน้นเรื่องของความแรงและอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ น้องใหม่อย่าง “เอ็มจี จีเอส” ไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้ารับได้กับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และไม่ยึดติดเรื่องภาพลักษณ์ความนิยมของแบรนด์...

หากจะพูดกันเรื่องแบรนด์ คงต้องเป็น “ฮอนด้า ซีอาร์-วี” แม้จะใกล้เข้าสู่ช่วงปลายโมเดลแล้ว ทำให้อย่างที่บอกตัวเลขต่างๆ อาจจะด้อยกว่า ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้เสียเปรียบมากนัก ส่วน “เชฟโรเลต แคปติวา” ขุมกำลังค่อนข้างใหญ่ แต่ก็แลกกับตัวเลขสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่า ถ้ารักแบรนด์นี้คงต้องหันไปมองรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลดีที่สุด!

ทั้งหมดเป็นข้อมูลเทคนิคของแต่ละค่ายรถ การใช้งานจริงจะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ นี่จึงเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณา และไม่รวมเรื่องของบริการก่อนและหลังขาย ตลอดจนราคาขายต่อ ซึ่งก่อนตัดสินใจซื้อควรจะต้องไปทดลองขับ และตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อน เพื่อเลือกรถที่เหมาะสมกับผู้ซื้อมากที่สุด…


กำลังโหลดความคิดเห็น