นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอแนวทางปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในระยะ 1 ปี 5 ปี และ 20 ปี แบบขบวนรถไฟ ว่า เป็นการโกหกหลอกลวงประชาชน และเป็นการซื้อเวลา เพราะแนวทางดังกล่าวไม่ใช่การปฏิรูปที่แท้จริง จึงไม่ได้เป็นที่คาดหวังของประชาชน
ทั้งนี้ เตรียมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อเสนอแนวทางการปฏิรูป สตช. และตำรวจทั้งประเทศ คือให้รัฐบาลดำเนินการตามมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยให้โอนหน่วยตำรวจ 8 หน่วย คือ ตำรวจจราจร ให้ย้ายมาอยู่ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ตำรวจป่าไม้ ตำรวจ ปอท.และตำรวจรถไฟ ให้ขึ้นตรงกับกระทรวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
นอกจากนี้ ให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานอัยการสามารถควบคุมหน้าที่ของพนักงานสอบสวนได้ และให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 เพิ่มอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับในจังหวัดได้ และสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งสำนักงานสอบสวนคดีอาญา และโอนพนักงานสอบสวนมาอยู่ เพื่อทำงานควบคู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
นายวัชระ กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจด้วยตำรวจเองจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนจำนวนมาก ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า การแยกพนักงานสอบสวนออกจาก สตช.ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปตำรวจ การเลือกตั้งครั้งหน้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงยืนยันว่า จะใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เตรียมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อเสนอแนวทางการปฏิรูป สตช. และตำรวจทั้งประเทศ คือให้รัฐบาลดำเนินการตามมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยให้โอนหน่วยตำรวจ 8 หน่วย คือ ตำรวจจราจร ให้ย้ายมาอยู่ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ตำรวจป่าไม้ ตำรวจ ปอท.และตำรวจรถไฟ ให้ขึ้นตรงกับกระทรวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบ โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
นอกจากนี้ ให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานอัยการสามารถควบคุมหน้าที่ของพนักงานสอบสวนได้ และให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 เพิ่มอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับในจังหวัดได้ และสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งสำนักงานสอบสวนคดีอาญา และโอนพนักงานสอบสวนมาอยู่ เพื่อทำงานควบคู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
นายวัชระ กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจด้วยตำรวจเองจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนจำนวนมาก ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า การแยกพนักงานสอบสวนออกจาก สตช.ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปตำรวจ การเลือกตั้งครั้งหน้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงยืนยันว่า จะใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงอย่างแน่นอน
