นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เปิดเผยว่า ถึงกรณีสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาและทบทวนการดำเนินการโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (BRT)ที่ประสบปัญหาขาดทุนจนทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายปีละ 200 ล้าน อยากให้มีการทบทวนเนื่องจาก กำลังจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2560 ว่าขณะนี้เคทีก็รวบรวมข้อมูล ไว้เตรียมชี้แจงแก่คณะกรรมการฯ โดยข้อมูลที่จะนำแจ้งนั้น ก็จะเป็นความเป็นมาโครงการ วัตถุประสงค์ และการดำเนินการที่ผ่านมา รวมถึงมีการให้ข้อมูลถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ในอนาคต ว่า หากยกเลิกโครงการไปแล้วและยังไม่มีระบบขนส่งทดแทน จะเกิดผลกระทบหรือไม่ ดังนั้นจะมีวิธีการแก้ปัญหาในระยะสั้นอย่างไร เนื่องจากรถบีอาร์ทีดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร และแผนระยะยาวนั้นเส้นทางดังกล่าวจะมีการดำเนินการในรูปแบบระบบราง ทั้งรถรางบนพื้นและระบบโมโนเรล คือรถไฟรางเดี่ยวแบบลอยฟ้า ซึ่งจะต้องใช้แนวทางการดำเนินการรูปแบบใดที่จะเหมาะสมที่สุด เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอให้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ตัดสินใจ
ส่วนการเก็บค่าโดยสารที่มีการเลื่อนออกมาเรื่อย ๆ จนถึงขณะนี้นั้น คาดว่าจะมีการเลื่อนขึ้นค่าโดยสารออกไปจนกระทั่งหมดสัญญาสัมปทาน เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี อีกทั้งในส่วนของรัฐบาลเองก็ยังมีการต่อสวัสดิการด้าน รถเมล์รถไฟฟรี ดังนั้น กรุงเทพมหานคร ก็ยังคิดว่าการคงค่าโดยสารในอัตราดังกล่าวก็เป็นสวัสดิการแก่คนกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ตัดสินใจ
ส่วนการเก็บค่าโดยสารที่มีการเลื่อนออกมาเรื่อย ๆ จนถึงขณะนี้นั้น คาดว่าจะมีการเลื่อนขึ้นค่าโดยสารออกไปจนกระทั่งหมดสัญญาสัมปทาน เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี อีกทั้งในส่วนของรัฐบาลเองก็ยังมีการต่อสวัสดิการด้าน รถเมล์รถไฟฟรี ดังนั้น กรุงเทพมหานคร ก็ยังคิดว่าการคงค่าโดยสารในอัตราดังกล่าวก็เป็นสวัสดิการแก่คนกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกัน