นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในขณะที่กำลังจัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยผู้ให้บริการไฟฟ้า (Energy Efficiency Resource Standard : EERS) นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 – 2579 (Energy Efficiency Plan: EEP 2015) เป็นมาตรการใหม่ที่ยังไม่เคยดำเนินการในประเทศไทยมาก่อน โดยแนวทางคือ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ทำแผนงานจูงใจให้ลูกค้า หรือเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าลดการใช้ไฟฟ้า เช่น กรณีสหรัฐฯ กำหนดให้ลดใช้ร้อยละ 2 ของความต้องการใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยส่วนนี้อาจจะกำหนดเป็นตัวชี้วัดการทำงาน หรือ KPI ของ 3 หน่วยงาน แต่ในส่วนของค่าไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้ไม่เกิน 25 สตางค์ต่อหน่วย จะไม่มีการปรับลดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่จึงต้องมีการศึกษารูปแบบกลไกที่เหมาะสมในการนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย และกำหนดระบบกลไกตรวจสอบติดตามที่เหมาะสม คาดจะเริ่มนำร่องใช้บางพื้นที่ในปี 2560 และหลังประกาศใช้แล้วตั้งเป้าหมายว่าจะประหยัดไฟฟ้าได้ 200 ล้านหน่วยในปี 2566 จากความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ 200,000 ล้านหน่วย และในอนาคตดตั้งเป้าผลประหยัดตามแผน 500 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ)
สำหรับแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 – 2579 ตั้งเป้าหมายประหยัดพลังงานไฟฟ้า 89,672 ล้านหน่วย (GWh) ในปี 2579 โดยที่ผ่านมารณรงค์อนุรักษ์ผ่านผู้ใช้หรือผู้บริโภคพลังงาน (end-user) เป็นหลัก ซึ่งอาจขาดความชำนาญโดยเฉพาะเทคนิคในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการพลังงาน โดยเฉพาะการไฟฟ้าทั้งฝ่ายผลิต และฝ่ายจำหน่ายจะมีความรู้ความชำนาญ จึงคาดว่า EERS จะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคพลังงานในการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์พลังงานได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น สนพ. โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จึงได้ร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ทำแผนงาน EERS โดยศึกษาว่าจะกำหนดแผนอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับประเทศไทย
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่จึงต้องมีการศึกษารูปแบบกลไกที่เหมาะสมในการนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย และกำหนดระบบกลไกตรวจสอบติดตามที่เหมาะสม คาดจะเริ่มนำร่องใช้บางพื้นที่ในปี 2560 และหลังประกาศใช้แล้วตั้งเป้าหมายว่าจะประหยัดไฟฟ้าได้ 200 ล้านหน่วยในปี 2566 จากความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ 200,000 ล้านหน่วย และในอนาคตดตั้งเป้าผลประหยัดตามแผน 500 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ)
สำหรับแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 – 2579 ตั้งเป้าหมายประหยัดพลังงานไฟฟ้า 89,672 ล้านหน่วย (GWh) ในปี 2579 โดยที่ผ่านมารณรงค์อนุรักษ์ผ่านผู้ใช้หรือผู้บริโภคพลังงาน (end-user) เป็นหลัก ซึ่งอาจขาดความชำนาญโดยเฉพาะเทคนิคในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการพลังงาน โดยเฉพาะการไฟฟ้าทั้งฝ่ายผลิต และฝ่ายจำหน่ายจะมีความรู้ความชำนาญ จึงคาดว่า EERS จะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคพลังงานในการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์พลังงานได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น สนพ. โดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จึงได้ร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ทำแผนงาน EERS โดยศึกษาว่าจะกำหนดแผนอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับประเทศไทย
