ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์คดีที่นายจตุพร หรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตดารานักแสดงชื่อดัง และอดีตแนวร่วม นปช. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 7 คน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2553 นายเมธี แถลงข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทำนองว่านายจตุพร อมเงินบริจาคของคนเสื้อแดงจำนวน 68 ล้านบาท และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงบนชายหาดเมืองพัทยา รวมทั้งกล่าวหาว่านายจตุพรโทรศัพท์ขู่ฆ่าจำเลย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายเมธี จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ให้จำคุก 2 ปี และปรับ 100,000 บาท คำเบิกความเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666 บาท ขณะที่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-7 ให้ยกฟ้อง
วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่นายเมธี จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความมาเท่านั้น ศาลจึงให้ออกหมายจับเพื่อมาฟังคำพิพากษาในวันนี้
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์จากบันทึกคำถอดเสียงของนายเมธี จำเลยที่ 1 แล้วเห็นว่า เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ส่วนที่นายเมธี อุทธรณ์ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความจริง เนื่องจากตลอดการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเงินบริจาค แต่นายเมธี ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าโจทก์นำเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัว และนายวัชระ เพชรทอง จำเลยที่ 4 อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้นำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ผ่านบทความของตัวเองในหนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม หรือการแสดงความคิดเห็น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนายวัชระ จำเลยที่ 4 ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้ให้จำคุกนายเมธี จำเลยที่ 1 และนายวัชระ จำเลยที่ 4 คนละ 2 ปี ปรับคนละ 1 แสนบาท แต่คำเบิกความเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับ 66,666 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และยกฟ้องจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์และผู้จำหน่าย เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าร่วมกับนายเมธี จำเลยที่ 1 กระทำผิด และให้จำหน่ายคดีบริษัทเอ็นเอส ทีนิวส์ จำกัด จำเลยที่ 5 ออกจากสารบบความ เนื่องจากโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในเวลาที่กำหนด
ด้านนายวัชระ กล่าวว่า ขอน้อมรับคำพิพากษาที่ศาลตัดสินให้จำคุก และจากนี้จะใช้สิทธิฎีกาต่อไป
ขณะที่นายเมธี ระบุว่า ที่ไม่ได้เดินทางมาศาลครั้งก่อนเนื่องจากไม่ได้รับหมายศาล ประกอบกับตนเองอยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ คดีที่ นปช.ถูกฟ้องข้อหาก่อการร้าย และหลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทราบว่าศาลออกหมายจับตน ได้พาตนมามอบตัวต่อศาล และศาลได้ถอนหมายจับแล้ว ส่วนตัวอยากจบเรื่องดังกล่าวและคงต้องสู้ต่อไป
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายเมธี จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ให้จำคุก 2 ปี และปรับ 100,000 บาท คำเบิกความเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666 บาท ขณะที่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-7 ให้ยกฟ้อง
วันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่นายเมธี จำเลยที่ 1 ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความมาเท่านั้น ศาลจึงให้ออกหมายจับเพื่อมาฟังคำพิพากษาในวันนี้
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์จากบันทึกคำถอดเสียงของนายเมธี จำเลยที่ 1 แล้วเห็นว่า เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ส่วนที่นายเมธี อุทธรณ์ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความจริง เนื่องจากตลอดการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเงินบริจาค แต่นายเมธี ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าโจทก์นำเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัว และนายวัชระ เพชรทอง จำเลยที่ 4 อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้นำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ผ่านบทความของตัวเองในหนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรม หรือการแสดงความคิดเห็น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนายวัชระ จำเลยที่ 4 ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้ให้จำคุกนายเมธี จำเลยที่ 1 และนายวัชระ จำเลยที่ 4 คนละ 2 ปี ปรับคนละ 1 แสนบาท แต่คำเบิกความเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับ 66,666 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี และยกฟ้องจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์และผู้จำหน่าย เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าร่วมกับนายเมธี จำเลยที่ 1 กระทำผิด และให้จำหน่ายคดีบริษัทเอ็นเอส ทีนิวส์ จำกัด จำเลยที่ 5 ออกจากสารบบความ เนื่องจากโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในเวลาที่กำหนด
ด้านนายวัชระ กล่าวว่า ขอน้อมรับคำพิพากษาที่ศาลตัดสินให้จำคุก และจากนี้จะใช้สิทธิฎีกาต่อไป
ขณะที่นายเมธี ระบุว่า ที่ไม่ได้เดินทางมาศาลครั้งก่อนเนื่องจากไม่ได้รับหมายศาล ประกอบกับตนเองอยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ คดีที่ นปช.ถูกฟ้องข้อหาก่อการร้าย และหลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทราบว่าศาลออกหมายจับตน ได้พาตนมามอบตัวต่อศาล และศาลได้ถอนหมายจับแล้ว ส่วนตัวอยากจบเรื่องดังกล่าวและคงต้องสู้ต่อไป