นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ตรวจสอบรายละเอียดของผู้ที่ยื่นขอรับความช่วยเหลือทางการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2556-2557 ทั้งหมด 820 คน
แบ่งเป็นกรณีเสียชีวิต 46 คน ทุพพลภาพ 23 คน บาดเจ็บสาหัส 97 คน บาดเจ็บ 251 คน บาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 403 คน พบว่ามีผู้สมควรได้รับการเยียวยาทางด้านการเงินรอบที่ 1 จำนวน 125 ราย แบ่งเป็นกรณีเสียชีวิต 25 คน รายละ 400,000 บาท บาดเจ็บสาหัส 15 คน รายละ 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บ 18 คน รายละ 60,000 บาท และกรณีบาดเจ็บเล็กน้อย 67 คน รายละ 20,000 บาท
ส่วนกรณีทุพพลภาพ รายละ 200,000 บาท แต่รอบนี้ไม่มีผู้ได้รับสิทธิในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2659-6536 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC โทร. 1300 หรือเว็บไซต์ www.dsdw.go.th “หากผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และหากผู้ยื่นอุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะอนุกรรมการ สามารถยื่นต่อคณะกรรมการได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์คำวินิจฉัยคณะกรรมการให้ถือเป็นที่สุด” นายพุฒิพัฒน์กล่าว
นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เปิดเผยถึงการประกาศรายชื่อผู้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินตามหลักมนุษยธรรมสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ช่วงปี 2556-2557 ว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแม้ว่าจะตัดสินเป็นไปตามกฎระเบียบ แต่จำนวนเงินก็คงจะยังไม่เพียงพอ ถือว่าเป็นการเยียวยาได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ส่วนตัวแล้วต้องการให้กระบวนการพิจารณาช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะผู้เสียหายนั้นเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ไม่ได้เป็นอาชญากรแต่อย่างใด
“อยากเสนอให้นอกเหนือจากการจ่ายเงินเยียวยา ควรช่วยเหลือกลุ่มผู้ทุพพลภาพ ซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพได้นั้น นำมาฟื้นฟูสมรรถภาพ อบรมให้มีทักษะเพื่อการประกอบอาชีพ รวมไปถึงการหาช่องทางให้เขาได้มีงานทำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากและจะเป็นการแก้ไขในระยะยาว” นายถาวรกล่าว
ด้านนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การช่วยเหลือทางการเงินนี้ควรให้แก่ผู้ที่เคลื่อนไหวและได้รับผลกระทบทางการเมืองทุกกลุ่มทุกฝ่ายตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยส่วนตัวเห็นว่าเกณฑ์จำนวนเงินที่ช่วยเหลือสำหรับกรณีเสียชีวิตและพิการควรเท่ากัน ซึ่งอาจเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์ของบริษัทประกันภัยหรือหลักเกณฑ์การช่วยเหลือของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้เคยทำไว้
นายพิภพกล่าวว่า จำนวนเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศนั้น เห็นว่ายังอาจจะน้อยเกินไป ควรใช้มาตรฐานเดียวกับสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเป็นจำนวนที่สูงที่สุด อีกทั้งการช่วยเหลือทางการเงินที่เกิดขึ้นนั้นก็ควรจะต้องเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ซึ่งต้องไม่ไปกระทบต่อสิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
แบ่งเป็นกรณีเสียชีวิต 46 คน ทุพพลภาพ 23 คน บาดเจ็บสาหัส 97 คน บาดเจ็บ 251 คน บาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 403 คน พบว่ามีผู้สมควรได้รับการเยียวยาทางด้านการเงินรอบที่ 1 จำนวน 125 ราย แบ่งเป็นกรณีเสียชีวิต 25 คน รายละ 400,000 บาท บาดเจ็บสาหัส 15 คน รายละ 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บ 18 คน รายละ 60,000 บาท และกรณีบาดเจ็บเล็กน้อย 67 คน รายละ 20,000 บาท
ส่วนกรณีทุพพลภาพ รายละ 200,000 บาท แต่รอบนี้ไม่มีผู้ได้รับสิทธิในกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2659-6536 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC โทร. 1300 หรือเว็บไซต์ www.dsdw.go.th “หากผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และหากผู้ยื่นอุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะอนุกรรมการ สามารถยื่นต่อคณะกรรมการได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์คำวินิจฉัยคณะกรรมการให้ถือเป็นที่สุด” นายพุฒิพัฒน์กล่าว
นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เปิดเผยถึงการประกาศรายชื่อผู้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินตามหลักมนุษยธรรมสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ช่วงปี 2556-2557 ว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแม้ว่าจะตัดสินเป็นไปตามกฎระเบียบ แต่จำนวนเงินก็คงจะยังไม่เพียงพอ ถือว่าเป็นการเยียวยาได้ในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น ส่วนตัวแล้วต้องการให้กระบวนการพิจารณาช่วยเหลือเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะผู้เสียหายนั้นเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ไม่ได้เป็นอาชญากรแต่อย่างใด
“อยากเสนอให้นอกเหนือจากการจ่ายเงินเยียวยา ควรช่วยเหลือกลุ่มผู้ทุพพลภาพ ซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพได้นั้น นำมาฟื้นฟูสมรรถภาพ อบรมให้มีทักษะเพื่อการประกอบอาชีพ รวมไปถึงการหาช่องทางให้เขาได้มีงานทำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากและจะเป็นการแก้ไขในระยะยาว” นายถาวรกล่าว
ด้านนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การช่วยเหลือทางการเงินนี้ควรให้แก่ผู้ที่เคลื่อนไหวและได้รับผลกระทบทางการเมืองทุกกลุ่มทุกฝ่ายตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยส่วนตัวเห็นว่าเกณฑ์จำนวนเงินที่ช่วยเหลือสำหรับกรณีเสียชีวิตและพิการควรเท่ากัน ซึ่งอาจเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์ของบริษัทประกันภัยหรือหลักเกณฑ์การช่วยเหลือของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้เคยทำไว้
นายพิภพกล่าวว่า จำนวนเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศนั้น เห็นว่ายังอาจจะน้อยเกินไป ควรใช้มาตรฐานเดียวกับสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเป็นจำนวนที่สูงที่สุด อีกทั้งการช่วยเหลือทางการเงินที่เกิดขึ้นนั้นก็ควรจะต้องเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ซึ่งต้องไม่ไปกระทบต่อสิทธิ์ในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
