เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาคำร้องขอถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปี 2551 เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. วันเดียวกันนี้ (26 พ.ค.) ยังไม่ได้พิจารณารายงานของคณะทำงาน เรื่องคำร้องขอถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากคณะทำงานเพิ่งสรุปรายงานเสร็จสิ้นในช่วงเช้าวันเดียวกัน และต้องกลับไปปรับแก้ถ้อยคำ เนื่องจากในคณะทำงานมีความเห็นที่หลากหลาย จึงต้องปรับให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้บันทึกที่ออกมาอ่านแล้วเข้าใจได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการจะนำรายงานดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมได้ คณะทำงานต้องส่งรายงานไปให้กรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนพิจารณาล่วงหน้า 3 วัน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ติดภารกิจในช่วงบ่ายวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะมีการนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลาที่ประธาน ป.ป.ช.กำหนดเอาไว้
ส่วนข้อสรุปของคณะทำงานมีความเห็นอย่างไรนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า คณะทำงานได้มีความเห็นไปด้วยตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคำสั่งให้พิจารณา ประกอบด้วย ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง ที่คณะทำงานอาจมีความเห็นแตกต่างกันบ้างในแต่ละข้อ แต่ในภาพรวมคณะทำงานต้องสรุปออกมาให้เป็นเอกฉันท์
สำหรับประเด็นพยานหลักฐานใหม่ที่จำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานอะไรนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า เป็นข้อเท็จจริงของจำเลยที่ได้ร้องขอความเป็นธรรม โดยเสนอเป็นเอกสารมาให้ ป.ป.ช.พิจารณาหลายข้อ พร้อมกับอ้างว่าสิ่งที่ได้ยื่นมาเป็นพยานหลักฐานใหม่ เราต้องมาไล่ดูทีละข้อตามที่มีการเสนอมา
ทั้งนี้กรอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ขอความเป็นธรรมเข้ามา และจะพิจารณาจากความเห็นของคณะทำงานในแต่ละข้อ รวมถึงจะมีการซักถามความเห็นของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับรายงานที่เสนอมาด้วย ซึ่งกรณีที่มีการให้เปรียบเทียบกับคดีสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ก็นำมาพิจารณาด้วย
ส่วนกรณีที่ญาติผู้สูญเสียแสดงความกังวลว่า ต่อให้สุดท้ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ถอนฟ้อง แต่การต่อสู้ในชั้นฎีกาฯ ของ ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์จะยังเต็มที่เหมือนเดิมหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติในชั้นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงอย่าไปกังวลล่วงหน้า ขอให้รอมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก่อน
สำหรับกรณีกลุ่ม นปช.ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณานำคดีสลายการชุมนุม นปช. เมื่อปี 2553 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยมีมติตีตกกลับมาพิจารณาใหม่ สามารถทำได้หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตามหลักเมื่อยื่นคำขอมาในเบื้องต้นไม่ใช่เราจะปฏิเสธ แต่ต้องพิจารณาคำขอนั้นก่อนว่ายื่นมาในเรื่องอะไร ยื่นมาเพื่อให้ไต่สวนใหม่ หรือยื่นมาในลักษณะคำร้องหรือไม่ เพราะกฎหมายของเราได้พูดเรื่องการขอให้พิจารณาคดีใหม่คือ ถ้าเป็นเรื่องที่เราวินิจฉัยเด็ดขาดไปแล้วจะรื้อฟื้นไม่ได้ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่อันเป็นสาระสำคัญในคดีก็สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ติดภารกิจในช่วงบ่ายวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะมีการนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลาที่ประธาน ป.ป.ช.กำหนดเอาไว้
ส่วนข้อสรุปของคณะทำงานมีความเห็นอย่างไรนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า คณะทำงานได้มีความเห็นไปด้วยตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคำสั่งให้พิจารณา ประกอบด้วย ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง ที่คณะทำงานอาจมีความเห็นแตกต่างกันบ้างในแต่ละข้อ แต่ในภาพรวมคณะทำงานต้องสรุปออกมาให้เป็นเอกฉันท์
สำหรับประเด็นพยานหลักฐานใหม่ที่จำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานอะไรนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า เป็นข้อเท็จจริงของจำเลยที่ได้ร้องขอความเป็นธรรม โดยเสนอเป็นเอกสารมาให้ ป.ป.ช.พิจารณาหลายข้อ พร้อมกับอ้างว่าสิ่งที่ได้ยื่นมาเป็นพยานหลักฐานใหม่ เราต้องมาไล่ดูทีละข้อตามที่มีการเสนอมา
ทั้งนี้กรอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ขอความเป็นธรรมเข้ามา และจะพิจารณาจากความเห็นของคณะทำงานในแต่ละข้อ รวมถึงจะมีการซักถามความเห็นของคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับรายงานที่เสนอมาด้วย ซึ่งกรณีที่มีการให้เปรียบเทียบกับคดีสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ก็นำมาพิจารณาด้วย
ส่วนกรณีที่ญาติผู้สูญเสียแสดงความกังวลว่า ต่อให้สุดท้ายคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ถอนฟ้อง แต่การต่อสู้ในชั้นฎีกาฯ ของ ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์จะยังเต็มที่เหมือนเดิมหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติในชั้นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงอย่าไปกังวลล่วงหน้า ขอให้รอมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก่อน
สำหรับกรณีกลุ่ม นปช.ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณานำคดีสลายการชุมนุม นปช. เมื่อปี 2553 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เคยมีมติตีตกกลับมาพิจารณาใหม่ สามารถทำได้หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตามหลักเมื่อยื่นคำขอมาในเบื้องต้นไม่ใช่เราจะปฏิเสธ แต่ต้องพิจารณาคำขอนั้นก่อนว่ายื่นมาในเรื่องอะไร ยื่นมาเพื่อให้ไต่สวนใหม่ หรือยื่นมาในลักษณะคำร้องหรือไม่ เพราะกฎหมายของเราได้พูดเรื่องการขอให้พิจารณาคดีใหม่คือ ถ้าเป็นเรื่องที่เราวินิจฉัยเด็ดขาดไปแล้วจะรื้อฟื้นไม่ได้ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่อันเป็นสาระสำคัญในคดีก็สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้