นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการถอนฟ้องคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 ว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 17 พ.ค.) คณะทำงานที่มีตนเป็นประธานจะประชุมกันนัดสุดท้าย เพื่อพิจารณาว่า ในที่สุดจะมีการยื่นถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่ ก่อนส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติใน ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ โดยยืนยันว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ถอนฟ้องคดี แต่อย่างใด
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การถอนฟ้องคดี ต้องฟังจาก ป.ป.ช. ตนจึงไม่ขอก้าวล่วงเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย หน้าที่ขณะนี้ คือ ต้องต่อสู้คดีที่อยู่ในศาล ส่วนเรื่องอื่นๆขอให้เป็นดุลพินิจของผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ ส่วนกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดให้ ป.ป.ช.เปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บในการสลายการชุมนุมนั้น มองว่าจะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี เพื่อจะได้ต่อสู้คดีอย่างถูกทิศทาง
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจที่มีข่าวจากวงใน ป.ป.ช.ว่า ยังพยายามจะผลักดันการฟ้องคดีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ทั้งที่กระแสสังคมไม่เห็นด้วย และมองว่า เรื่องนี้ส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจของกรรมการ ป.ป.ช.บางส่วน รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย ทำให้ถูกตีความว่า ถูกบงการโดยกลุ่มคนและอำนาจพิเศษบางอย่าง
"อีกหน่อยคงมีผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตจำนำข้าวขอใช้สิทธินี้บ้าง ป.ป.ช.จะอธิบายสังคมอย่างไร และประเด็นที่ล่อแหลมและอ่อนไหวที่สุด จะถือเป็นการกดดันและผลักภาระไปให้ศาลหรือไม่ เพราะคดี 7 ตุลาฯ อยู่ระหว่างการไต่สวนคดี กรรมการ ป.ป.ช.ที่ผลักดันถอนฟ้องจะรู้ได้อย่างไรว่าศาลท่านเอาด้วยหรือยอมให้ถอนฟ้อง อะไรทำให้มั่นใจกล้าผลักดันมติที่สุ่มเสี่ยงได้ขนาดนั้น และถ้าศาลท่านไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง ป.ป.ช.จะรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องของศาล"
สำหรับเรื่องนี้ ป.ป.ช.ต้องยุติให้เร็วที่สุด ไปต่อไม่ได้ก็ไม่ควรดื้อดึง เพราะกระทบและสวนทางกับบรรยากาศที่หลายฝ่ายอยากเห็นการปฏิรูป ควรเอาเวลาไปทุ่มเท คดีที่ค้างอยู่ที่ ปปช.มากมายที่กำลังจะหมดอายุความจะดีกว่า ในยุคที่อยากเห็นการปราบโกงอย่างจริงจัง แต่บรรยากาศใน ป.ป.ช.กับถูกปกคลุมด้วยวาระบางอย่างจนอาจกระทบกับการทำงานปราบปราการทุจริตคอร์รัปชั่นที่สังคมคาดหวัง ปปช.
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การถอนฟ้องคดี ต้องฟังจาก ป.ป.ช. ตนจึงไม่ขอก้าวล่วงเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย หน้าที่ขณะนี้ คือ ต้องต่อสู้คดีที่อยู่ในศาล ส่วนเรื่องอื่นๆขอให้เป็นดุลพินิจของผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ ส่วนกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดให้ ป.ป.ช.เปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บในการสลายการชุมนุมนั้น มองว่าจะเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี เพื่อจะได้ต่อสู้คดีอย่างถูกทิศทาง
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจที่มีข่าวจากวงใน ป.ป.ช.ว่า ยังพยายามจะผลักดันการฟ้องคดีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ทั้งที่กระแสสังคมไม่เห็นด้วย และมองว่า เรื่องนี้ส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจของกรรมการ ป.ป.ช.บางส่วน รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย ทำให้ถูกตีความว่า ถูกบงการโดยกลุ่มคนและอำนาจพิเศษบางอย่าง
"อีกหน่อยคงมีผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตจำนำข้าวขอใช้สิทธินี้บ้าง ป.ป.ช.จะอธิบายสังคมอย่างไร และประเด็นที่ล่อแหลมและอ่อนไหวที่สุด จะถือเป็นการกดดันและผลักภาระไปให้ศาลหรือไม่ เพราะคดี 7 ตุลาฯ อยู่ระหว่างการไต่สวนคดี กรรมการ ป.ป.ช.ที่ผลักดันถอนฟ้องจะรู้ได้อย่างไรว่าศาลท่านเอาด้วยหรือยอมให้ถอนฟ้อง อะไรทำให้มั่นใจกล้าผลักดันมติที่สุ่มเสี่ยงได้ขนาดนั้น และถ้าศาลท่านไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง ป.ป.ช.จะรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องของศาล"
สำหรับเรื่องนี้ ป.ป.ช.ต้องยุติให้เร็วที่สุด ไปต่อไม่ได้ก็ไม่ควรดื้อดึง เพราะกระทบและสวนทางกับบรรยากาศที่หลายฝ่ายอยากเห็นการปฏิรูป ควรเอาเวลาไปทุ่มเท คดีที่ค้างอยู่ที่ ปปช.มากมายที่กำลังจะหมดอายุความจะดีกว่า ในยุคที่อยากเห็นการปราบโกงอย่างจริงจัง แต่บรรยากาศใน ป.ป.ช.กับถูกปกคลุมด้วยวาระบางอย่างจนอาจกระทบกับการทำงานปราบปราการทุจริตคอร์รัปชั่นที่สังคมคาดหวัง ปปช.
