นายธีระพล ติรวศิน รองประธานกลุ่มพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากปริมาณขยะของประเทศไทย ที่มีขยะสะสม 20 ล้านตันและมีเพิ่มขึ้น 19 ล้านตันต่อปี หากนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า จะได้อีก 300 เมกะวัตต์ จากที่ภาครัฐกำหนดในแผนพัฒนาทดแทน และพลังงานทางเลือกปี 2558-2579 (AEDP 2015 ) ไว้ที่ 500 เมกะวัตต์ และในขณะนี้มีการเสนอขายเข้าระบบแล้วกว่า 300 เมกะวัตต์ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหามลพิษจากขยะอย่างเป็นระบบภาครัฐจึงน่าจะเพิ่มปริมาณรับซื้อและติดตามให้แน่ชัดว่า ผู้เสนอผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะ รายเดิม สามารถผลิตไฟฟ้าตามข้อเสนอหรือไม่ หากไม่ได้ ก็ควรนำมาส่วนนี้มาจัดการให้รายอื่นดำเนินการ ในขณะเดียวกันก็ควรจะเพิ่มปริมาณรับซื้อรวมเป็น 800 เมกะวัตต์
นายธีระพล กล่าวว่า ขณะนี้รัฐกำลังเร่งแก้ปัญาขยะ มีการพิจารณาเรื่องโซนนิ่ง หรือแบ่งพื้นที่ขยะเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า ป้องกันปัญหาแย่งขยะ แต่ สิ่งที่จะต้องควรคำนึงถึงด้วยก็คือ เทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ไขปัหาการกำจัดขยะจะกระทบหรือไม่ เช่น เชื้อเพลิงขยะ (RDF ) ที่ขณะนี้ได้รับการยอมรับมีคุณภาพความร้อนที่สูง และหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ ดังนั้น หากกำหนดพื้นที่แล้วจะเป็นการจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีหรือไม่ ซึ่ง RDF มีบทพิสูจน์เชิงวิชาการแล้วมีค่าความร้อนสูงสามารถทดแทนถ่านหินได้ทั้งรูปนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
นายธีระพล กล่าวว่า ขณะนี้รัฐกำลังเร่งแก้ปัญาขยะ มีการพิจารณาเรื่องโซนนิ่ง หรือแบ่งพื้นที่ขยะเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้า ป้องกันปัญหาแย่งขยะ แต่ สิ่งที่จะต้องควรคำนึงถึงด้วยก็คือ เทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ไขปัหาการกำจัดขยะจะกระทบหรือไม่ เช่น เชื้อเพลิงขยะ (RDF ) ที่ขณะนี้ได้รับการยอมรับมีคุณภาพความร้อนที่สูง และหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ ดังนั้น หากกำหนดพื้นที่แล้วจะเป็นการจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีหรือไม่ ซึ่ง RDF มีบทพิสูจน์เชิงวิชาการแล้วมีค่าความร้อนสูงสามารถทดแทนถ่านหินได้ทั้งรูปนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม
