กฟผ.เผยการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินมีเพียงกระบี่ และเทพา ตามแผนพีดีพี 2015 เท่านั้น ส่วนกระแสข่าวที่ จ.ปัตตานี เป็นเพียงข้อเสนอของพื้นที่เข้ามายังไม่ได้มีการดำเนินงานศึกษาแต่อย่างใด หากมีเพิ่มรัฐบาลต้องเปิดเผยต่อสาธารณชนแน่นอน
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ.เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ.กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ 2 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคต ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2558-2579 หรือพีดีพี 2015 ส่วนข่าวการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ จ.ปัตตานี นั้น ปัจจุบันยังเป็นเพียงข้อเสนอในพื้นที่เท่านั้น หากจะมีการดำเนินโครงการการโรงไฟฟ้าใดๆ ภาครัฐต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และต้องมีกระบวนการศึกษาอย่างรอบด้าน
“ขณะนี้การดำเนินงานมีเพียงโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่งเท่านั้น ส่วนที่เป็นข่าวปัตตานีเป็นข้อเสนอของพื้นที่ หากจะดำเนินการจะต้องมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลานาน ในปัจจุบัน กฟผ.จึงยังมิได้ดำเนินการศึกษาโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด” นายสหรัฐกล่าว
ปัจจุบัน กฟผ.ได้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินตามตามขั้นตอน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าในภาคใต้และในภาพรวมของประเทศ ซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 2,630 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 5% หรือ 125 เมกะวัตต์ ขณะที่ภาคใต้มีกำลังผลิตในพื้นที่เพียง 2,225 เมกะวัตต์ ต้องรับไฟฟ้าจากภาคกลาง จำนวน 375 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าภาคใต้จะมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 4-5% ทุกปี จึงควรมีแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าภาคใต้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบันความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ขณะนี้ได้นำส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ