นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีมีผู้โดยสารโพสต์คลิปวิดีโอร้องเรียนรถแท็กซี่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่ารถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1มก 8000 กรุงเทพมหานคร มาตรค่าโดยสารขึ้นเร็วผิดปกติ โดยเป็นการเรียกใช้บริการจากโรงแรม W Hotel สาทร ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมเป็นเงิน 577 บาท ไม่รวมค่าทางด่วน
โดยผู้โดยสารได้ชำระค่าโดยสารเป็นจำนวนเงิน 500 บาทไปแล้วนั้น กรมการขนส่งทางบกได้เรียกตัวนายประมวลศักดิ์ ธนบุรี พนักงานขับรถคันดังกล่าว ซึ่งมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ เลขที่ 5300698 สิ้นอายุวันที่ 11 เมษายน 2561 มาสอบสวนหาข้อเท็จจริง และดำเนินการตรวจสอบมาตรค่าโดยสารอย่างละเอียด โดยถอดมาตรค่าโดยสารไปทดสอบกับเครื่องสอบเทียบมาตรค่าโดยสาร และนำรถเข้าทดสอบความเที่ยงตรงของมาตรค่าโดยสารด้วยเครื่อง speedometer พร้อมนำรถไปทดสอบภาคสนามโดยวิ่งตามสถานที่จริง ระยะทางจริง โดยการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจการขนส่งทางบก แม้ผลการตรวจสอบจากกระบวนการทั้งหมด จะไม่พบความผิดปกติของมาตรค่าโดยสาร แต่เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าอัตราค่าโดยสารที่เรียกเก็บไปนั้น สูงเกินกว่าอัตราค่าโดยสารที่ทางราชการกำหนดเมื่อเทียบกับระยะทางจริง ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 66/5 เปรียบเทียบปรับสูงสุดทันที 5,000 บาท พร้อมบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ หากหลังจากนี้พบการถูกร้องเรียนหรือพบการกระทำความผิดซ้ำในข้อหาเดิม จะพิจารณามาตรการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก ได้กำชับให้นายประมวลศักดิ์ ธนบุรี ตรวจสอบการทำงานของมาตรค่าโดยสารอยู่เสมอ หากพบว่าความผิดปกติให้รีบดำเนินการปรับแก้ไขทันที โดยห้ามนำรถออกให้บริการจนกว่าจะปรับแก้มาตรค่าโดยสารแล้ว มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการกระทำผิดโดยเจตนามีโทษปรับสูงสุดและมีสิทธิ์ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องเรียนชี้แจงเหตุผลและหลักฐานความบริสุทธิ์ใจ ในขณะเดียวกันหากพบการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณี พร้อมแนะนำประชาชนสามารถสังเกตได้จากซีลตะกั่วที่ปิดผนึกตัวมิเตอร์ ซึ่งต้องไม่ชำรุด ไม่มีลักษณะฉีกขาด
นอกจากนี้ สามารถตรวจสอบการคิดค่าโดยสารของรถแท็กซี่ว่าถูกต้องหรือไม่โดยให้สังเกตจากจำนวนค่าโดยสาร ระยะทาง และเวลา ที่มาตรค่าโดยสารแสดง เปรียบเทียบกับตารางอัตราค่าโดยสาร ที่ติดอยู่บริเวณหลังเบาะพนักพิงผู้โดยสารตอนหน้าว่าถูกต้องเป็นไปตามที่ทางราชการกำหนดไว้หรือไม่ หากพบเห็นการให้บริการรถแท็กซี่ไม่เป็นธรรม เอาเปรียบผู้โดยสาร สามารถร้องเรียนมายังกรมการขนส่งทางบกได้ทันที โดยระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่กระทำความผิด เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ ซึ่งจะทำให้กระบวนการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยสามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ตลอด 24 ชั่วโมง
โดยผู้โดยสารได้ชำระค่าโดยสารเป็นจำนวนเงิน 500 บาทไปแล้วนั้น กรมการขนส่งทางบกได้เรียกตัวนายประมวลศักดิ์ ธนบุรี พนักงานขับรถคันดังกล่าว ซึ่งมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ เลขที่ 5300698 สิ้นอายุวันที่ 11 เมษายน 2561 มาสอบสวนหาข้อเท็จจริง และดำเนินการตรวจสอบมาตรค่าโดยสารอย่างละเอียด โดยถอดมาตรค่าโดยสารไปทดสอบกับเครื่องสอบเทียบมาตรค่าโดยสาร และนำรถเข้าทดสอบความเที่ยงตรงของมาตรค่าโดยสารด้วยเครื่อง speedometer พร้อมนำรถไปทดสอบภาคสนามโดยวิ่งตามสถานที่จริง ระยะทางจริง โดยการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจการขนส่งทางบก แม้ผลการตรวจสอบจากกระบวนการทั้งหมด จะไม่พบความผิดปกติของมาตรค่าโดยสาร แต่เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าอัตราค่าโดยสารที่เรียกเก็บไปนั้น สูงเกินกว่าอัตราค่าโดยสารที่ทางราชการกำหนดเมื่อเทียบกับระยะทางจริง ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 66/5 เปรียบเทียบปรับสูงสุดทันที 5,000 บาท พร้อมบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ หากหลังจากนี้พบการถูกร้องเรียนหรือพบการกระทำความผิดซ้ำในข้อหาเดิม จะพิจารณามาตรการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก ได้กำชับให้นายประมวลศักดิ์ ธนบุรี ตรวจสอบการทำงานของมาตรค่าโดยสารอยู่เสมอ หากพบว่าความผิดปกติให้รีบดำเนินการปรับแก้ไขทันที โดยห้ามนำรถออกให้บริการจนกว่าจะปรับแก้มาตรค่าโดยสารแล้ว มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการกระทำผิดโดยเจตนามีโทษปรับสูงสุดและมีสิทธิ์ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องเรียนชี้แจงเหตุผลและหลักฐานความบริสุทธิ์ใจ ในขณะเดียวกันหากพบการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณี พร้อมแนะนำประชาชนสามารถสังเกตได้จากซีลตะกั่วที่ปิดผนึกตัวมิเตอร์ ซึ่งต้องไม่ชำรุด ไม่มีลักษณะฉีกขาด
นอกจากนี้ สามารถตรวจสอบการคิดค่าโดยสารของรถแท็กซี่ว่าถูกต้องหรือไม่โดยให้สังเกตจากจำนวนค่าโดยสาร ระยะทาง และเวลา ที่มาตรค่าโดยสารแสดง เปรียบเทียบกับตารางอัตราค่าโดยสาร ที่ติดอยู่บริเวณหลังเบาะพนักพิงผู้โดยสารตอนหน้าว่าถูกต้องเป็นไปตามที่ทางราชการกำหนดไว้หรือไม่ หากพบเห็นการให้บริการรถแท็กซี่ไม่เป็นธรรม เอาเปรียบผู้โดยสาร สามารถร้องเรียนมายังกรมการขนส่งทางบกได้ทันที โดยระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่กระทำความผิด เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ ซึ่งจะทำให้กระบวนการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยสามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ตลอด 24 ชั่วโมง
