ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า ภาวะซบเซาของเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงกดดันให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ขณะที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่อีซีบีได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อต่ำและแนวโน้มการลงทุนที่อ่อนแอลงในยูโรโซน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,541.96 จุด ร่วงลง 174.09 จุด หรือ -0.98% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,848.37 จุด ลดลง 72.35 จุด หรือ -1.47% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,041.91 จุด ลดลง 24.75 จุด หรือ -1.20%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวที่อ่อนแรงเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของเฟดที่บ่งชี้ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกยังคงส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง และถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนทางด้านรายงานการประชุมของอีซีบีประจำเดือนมี.ค. ระบุว่า เจ้าหน้าที่อีซีบีมีความวิตกว่าภาวะอัตราเงินเฟ้อต่ำกำลังฝังตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับเตือนว่า ความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบรอบที่ 2 กำลังเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ที่อีซีบีประชุมกันในครั้งที่แล้ว โดยผลกระทบในรอบที่ 2 คือการที่ประชาชนคาดว่าราคาจะร่วงลงต่อไป ทำให้พวกเขากำหนดค่าจ้างและราคาในระดับที่ต่ำลงอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากจะสกัดการใช้จ่าย และการลงทุน
ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายที่ผันผวนของตลาดในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นว่า เครื่องมือต่างๆที่ธนาคารกลางรายใหญ่นำมาใช้นั้น ยังคงไม่ได้ผล และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนได้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 267,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 270,000 ราย
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.1% หุ้น Schwab Corp. และหุ้น E*Trade Financial Corp ต่างก็ร่วงลงกว่า 5.7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นอินเทล คอร์ป และหุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 1.6% หุ้นอีเบย์ ดิ่งลง 4.3% หุ้นเวริซอน ปรับตัวลงกว่า 1.5%
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ โดยบริษัทอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรของอัลโคจะร่วงลง 9.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบกว่า 6 ปี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,541.96 จุด ร่วงลง 174.09 จุด หรือ -0.98% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,848.37 จุด ลดลง 72.35 จุด หรือ -1.47% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,041.91 จุด ลดลง 24.75 จุด หรือ -1.20%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวที่อ่อนแรงเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของเฟดที่บ่งชี้ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกยังคงส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง และถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ส่วนทางด้านรายงานการประชุมของอีซีบีประจำเดือนมี.ค. ระบุว่า เจ้าหน้าที่อีซีบีมีความวิตกว่าภาวะอัตราเงินเฟ้อต่ำกำลังฝังตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับเตือนว่า ความเสี่ยงในการเกิดผลกระทบรอบที่ 2 กำลังเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ที่อีซีบีประชุมกันในครั้งที่แล้ว โดยผลกระทบในรอบที่ 2 คือการที่ประชาชนคาดว่าราคาจะร่วงลงต่อไป ทำให้พวกเขากำหนดค่าจ้างและราคาในระดับที่ต่ำลงอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากจะสกัดการใช้จ่าย และการลงทุน
ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายที่ผันผวนของตลาดในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นว่า เครื่องมือต่างๆที่ธนาคารกลางรายใหญ่นำมาใช้นั้น ยังคงไม่ได้ผล และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ แม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนได้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 267,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 270,000 ราย
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.1% หุ้น Schwab Corp. และหุ้น E*Trade Financial Corp ต่างก็ร่วงลงกว่า 5.7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นอินเทล คอร์ป และหุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 1.6% หุ้นอีเบย์ ดิ่งลง 4.3% หุ้นเวริซอน ปรับตัวลงกว่า 1.5%
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ โดยบริษัทอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรของอัลโคจะร่วงลง 9.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบกว่า 6 ปี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย