ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดยังอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนก.พ.ปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,737.00 จุด ลดลง 55.75 จุด หรือ -0.31% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,891.80 จุด ลดลง 22.74 จุด หรือ -0.46% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,066.13 จุด ลดลง 6.65 จุด หรือ -0.32%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 1.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการส่งออกในภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่ชะลอตัวในต่างประเทศ ขณะที่บริษัทพลังงานลดการลงทุน หลังการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบยังสร้างแรงกดดันจากบรรยากาศการซื้อขาย และได้ฉุดหุ้นกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงราว 3% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ที่ประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของตะวันออกกลางในวันที่ 17 เม.ย.นี้ที่กาตาร์ จะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการตรึงกำลังการผลิต หลังจากซาอุดิอาระเบียตั้งเงื่อนไขว่าจะตรึงกำลังการผลิตก็ต่อเมื่ออิหร่านและประเทศอื่นๆยอมปฏิบัติตาม
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง นำโดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 4.8% หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ปรับลง 2.2% หุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ ดิ่งลง 1.4%
ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.8% หลังจากบริษัทรถยนต์รายใหญ่เปิดเผยยอดขายเดือนมี.ค.ที่ซบเซา
หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นพัลท์ กรุป ดิ่งลง 6.6% หุ้นไนกี้ร่วงลง 2.6% หุ้นเฮอร์ชี โค และหุ้นอาร์เชอร์-ดาเนียลส์-มิดแลนด์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.1%
หุ้นสายการบินเวอร์จิเนีย อเมริกา ทะยานขึ้น 24% หลังจากมีรายงานว่า สายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ ตกลงเข้าซื้อกิจการเวอร์จิเนีย อเมริกา มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการส่งออก นำเข้า และดุลการค้าเดือนก.พ. และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ส่วนวันพุธคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุม
วันพฤหัสบดี จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,737.00 จุด ลดลง 55.75 จุด หรือ -0.31% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,891.80 จุด ลดลง 22.74 จุด หรือ -0.46% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,066.13 จุด ลดลง 6.65 จุด หรือ -0.32%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 1.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการส่งออกในภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่ชะลอตัวในต่างประเทศ ขณะที่บริษัทพลังงานลดการลงทุน หลังการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบยังสร้างแรงกดดันจากบรรยากาศการซื้อขาย และได้ฉุดหุ้นกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงราว 3% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ที่ประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของตะวันออกกลางในวันที่ 17 เม.ย.นี้ที่กาตาร์ จะไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการตรึงกำลังการผลิต หลังจากซาอุดิอาระเบียตั้งเงื่อนไขว่าจะตรึงกำลังการผลิตก็ต่อเมื่ออิหร่านและประเทศอื่นๆยอมปฏิบัติตาม
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง นำโดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 4.8% หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ปรับลง 2.2% หุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ ดิ่งลง 1.4%
ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.8% หลังจากบริษัทรถยนต์รายใหญ่เปิดเผยยอดขายเดือนมี.ค.ที่ซบเซา
หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นพัลท์ กรุป ดิ่งลง 6.6% หุ้นไนกี้ร่วงลง 2.6% หุ้นเฮอร์ชี โค และหุ้นอาร์เชอร์-ดาเนียลส์-มิดแลนด์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.1%
หุ้นสายการบินเวอร์จิเนีย อเมริกา ทะยานขึ้น 24% หลังจากมีรายงานว่า สายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ ตกลงเข้าซื้อกิจการเวอร์จิเนีย อเมริกา มูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการส่งออก นำเข้า และดุลการค้าเดือนก.พ. และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ส่วนวันพุธคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุม
วันพฤหัสบดี จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.