ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงไปกว่า 4% หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ปฏิเสธที่จะลดกำลังการผลิต โดยข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,431.78 จุด ร่วงลง 188.88 จุด หรือ -1.14% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,503.58 จุด ลดลง 67.02 จุด หรือ -1.47% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,921.27 จุด ลดลง 24.23 จุด หรือ -1.25%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปกว่า 4% หลังจากนายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียยังไม่มีแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
นายอัล-ไนมีกล่าวว่า การลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อกระตุ้นราคานั้น จะไม่ประสบความสำเร็จ พร้อมกับกล่าวว่า ควรให้ราคาปรับตัวตามกลไกตลาด ถึงแม้สิ่งนี้จะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันบางรายต้องปิดกิจการก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 สู่ระดับ 5.47 ล้านยูนิต
แต่ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในปัจจุบันของภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ -4 ในเดือนก.พ. หลังจากอยู่ที่ระดับ 2 ในเดือนม.ค. เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่อ่อนแอ รวมทั้งการดิ่งลงของราคาพลังงาน
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงสู่ระดับ 92.2 ในเดือนก.พ. เนื่องจากผู้บริโภคมีความไม่เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ, สถานะการเงินส่วนบุคคล และแนวโน้มตลาดแรงงาน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ดิ่งลง 4.4% หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 4.3% หุ้นฟรีพอร์ท แมคมอแรน ร่วงลง 8.7%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพี มอร์แกน ร่วงลง 4.2% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลงอย่างน้อย 3.2%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนแรงลง โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ และไมโครซอฟท์ คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 2.2%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,431.78 จุด ร่วงลง 188.88 จุด หรือ -1.14% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,503.58 จุด ลดลง 67.02 จุด หรือ -1.47% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,921.27 จุด ลดลง 24.23 จุด หรือ -1.25%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปกว่า 4% หลังจากนายอาลี อัล-ไนมี รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียยังไม่มีแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
นายอัล-ไนมีกล่าวว่า การลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อกระตุ้นราคานั้น จะไม่ประสบความสำเร็จ พร้อมกับกล่าวว่า ควรให้ราคาปรับตัวตามกลไกตลาด ถึงแม้สิ่งนี้จะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันบางรายต้องปิดกิจการก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 สู่ระดับ 5.47 ล้านยูนิต
แต่ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในปัจจุบันของภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ -4 ในเดือนก.พ. หลังจากอยู่ที่ระดับ 2 ในเดือนม.ค. เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์ที่อ่อนแอ รวมทั้งการดิ่งลงของราคาพลังงาน
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงสู่ระดับ 92.2 ในเดือนก.พ. เนื่องจากผู้บริโภคมีความไม่เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ, สถานะการเงินส่วนบุคคล และแนวโน้มตลาดแรงงาน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ดิ่งลง 4.4% หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 4.3% หุ้นฟรีพอร์ท แมคมอแรน ร่วงลง 8.7%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพี มอร์แกน ร่วงลง 4.2% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลงอย่างน้อย 3.2%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนแรงลง โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ และไมโครซอฟท์ คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 2.2%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)