ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) ขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 5% โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,716.05 จุด พุ่งขึ้น 112.73 จุด หรือ +0.64% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,920.72 จุด เพิ่มขึ้น 76.79 จุด หรือ +1.59% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,066.66 จุด เพิ่มขึ้น 21.49 จุด หรือ +1.05%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวกตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ ขานรับรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 15-16 มี.ค.ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และยังได้แสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดจำนวนหนึ่งสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนที่ได้แสดงท่าทีระมัดระวังในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกันในรายงานการประชุมดังกล่าวนั้น สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย. ร่วงลง 4.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 529.9 บาร์เรล
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ปรับขึ้น 8.8% หุ้นอาปาเช คอร์ป ทะยานขึ้น 5.1% หุ้นเฮสส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 5.4%
หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากมีรายงานว่า ไฟเซอร์ ได้ยุติข้อตกลงในการควบรวมกิจการกับอัลเลอร์แกน พีแอลซี บริษัทผู้ผลิตโบท็อกซ์จากไอร์แลนด์
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคัลส์ พุ่งขึ้น 8.5% หุ้นเมิร์ก แอนด์ โค ปรับขึ้น 2.6% หุ้นแอมเจน อิงค์ และหุ้นเซลจีน คอร์ป ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 4.4%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,716.05 จุด พุ่งขึ้น 112.73 จุด หรือ +0.64% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,920.72 จุด เพิ่มขึ้น 76.79 จุด หรือ +1.59% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,066.66 จุด เพิ่มขึ้น 21.49 จุด หรือ +1.05%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวกตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ ขานรับรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 15-16 มี.ค.ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และยังได้แสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดจำนวนหนึ่งสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนที่ได้แสดงท่าทีระมัดระวังในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกันในรายงานการประชุมดังกล่าวนั้น สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย. ร่วงลง 4.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 529.9 บาร์เรล
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ปรับขึ้น 8.8% หุ้นอาปาเช คอร์ป ทะยานขึ้น 5.1% หุ้นเฮสส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 5.4%
หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากมีรายงานว่า ไฟเซอร์ ได้ยุติข้อตกลงในการควบรวมกิจการกับอัลเลอร์แกน พีแอลซี บริษัทผู้ผลิตโบท็อกซ์จากไอร์แลนด์
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคัลส์ พุ่งขึ้น 8.5% หุ้นเมิร์ก แอนด์ โค ปรับขึ้น 2.6% หุ้นแอมเจน อิงค์ และหุ้นเซลจีน คอร์ป ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 4.4%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.