รายงานจากไอซีไอเจระบุธุรกิจเกือบ 1 ใน 3 ของมอสแส็ก ฟอนเซกา ศูนย์กลางกรณีอื้อฉาว "ปานามา เปเปอร์ส” มีต้นทางจากสำนักงานในฮ่องกงและจีน
รายงานของสมาคมผู้สื่อข่าวสายสืบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) ที่ประสานงานการสืบสวนเอกสาร 11.5 ล้านชุดที่รั่วไหลจากมอสแส็ก ฟอนเซกา บริษัทกฎหมายในปานามา ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) ระบุว่า บริษัทเปลือกนอกกว่า 16,300 แห่งของบริษัทดังกล่าว ดำเนินการผ่านสำนักงานในฮ่องกงและจีน หรือเท่ากับ 29% ของบริษัทเปลือกนอกทั่วโลกของมอสแส็ก ฟอนเซกา
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของมอสแส็ก ฟอนเซกา บริษัทแห่งนี้มีสำนักงานในจีนถึง 8 เมือง ซึ่งถือว่า มากกว่าประเทศอื่นๆ ในจำนวนนี้มีอาทิ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น
การสืบสวนที่ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มพบว่า เครือญาติของสมาชิกคณะกรมการเมืองถาวร (พีเอสซี) ของจีนทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างน้อย 8 คน พัวพันในการใช้บริษัทการค้านอกประเทศ (ออฟชอร์) ซึ่งโดยตัวบริษัทเองไม่ผิดกฎหมาย แต่สามารถใช้เป็นช่องทางเคลื่อนย้ายเงินที่ได้มาโดยมิชอบออกนอกประเทศ
จีนนั้นมีปัญหาการคอร์รัปชั่นระบาดรุนแรง โดยองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจัดอันดับจีนที่ 83 จาก 168 ประเทศในดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นล่าสุด
ขณะเดียวกัน การเติบโตของแดนมังกรกำลังชะลอตัว ทำให้บรรดาเศรษฐีต้องพยายามหลบเลี่ยงกลไกการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนอันเคร่งครัดของทางการ และหาทางส่งเงินออกนอกประเทศ
รายงานของไอซีไอเจมีชื่อเครือญาติของผู้นำจีน อาทิ จาง เกาลี่ พี่เขยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท 3 แห่งที่ปิดกิจการก่อนที่สีเข้ารับตำแหน่งในปี 2012, ญาติของหลี่ เผิง ผู้นำการปราบปรามผู้ประท้วงในจัตุรัสเทียนอันเหมิน, ดาราดัง เฉินหลง เป็นต้น
สื่อจีนต่างหลีกเลี่ยงการรายงานกรณีปานามา เปเปอร์สในส่วนที่เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลในประเทศ ขณะที่เว็บไซต์ที่รายงานเรื่องนี้ถูกจำกัดการเข้าถึง
กระทรวงต่างประเทศจีนยืนกรานปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเรื่องนี้ ขณะที่บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ที่เกี่ยวพันกับพรรคคอมมิวนิสต์ ฉบับวันพฤหัสฯ โจมตีว่า กฎหมายในตะวันตกให้การยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ และทั้งการเมืองและสื่อของตะวันตกล้วนแล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของเงินทุน
รายงานของสมาคมผู้สื่อข่าวสายสืบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) ที่ประสานงานการสืบสวนเอกสาร 11.5 ล้านชุดที่รั่วไหลจากมอสแส็ก ฟอนเซกา บริษัทกฎหมายในปานามา ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันพฤหัสฯ (7) ระบุว่า บริษัทเปลือกนอกกว่า 16,300 แห่งของบริษัทดังกล่าว ดำเนินการผ่านสำนักงานในฮ่องกงและจีน หรือเท่ากับ 29% ของบริษัทเปลือกนอกทั่วโลกของมอสแส็ก ฟอนเซกา
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของมอสแส็ก ฟอนเซกา บริษัทแห่งนี้มีสำนักงานในจีนถึง 8 เมือง ซึ่งถือว่า มากกว่าประเทศอื่นๆ ในจำนวนนี้มีอาทิ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น
การสืบสวนที่ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มพบว่า เครือญาติของสมาชิกคณะกรมการเมืองถาวร (พีเอสซี) ของจีนทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างน้อย 8 คน พัวพันในการใช้บริษัทการค้านอกประเทศ (ออฟชอร์) ซึ่งโดยตัวบริษัทเองไม่ผิดกฎหมาย แต่สามารถใช้เป็นช่องทางเคลื่อนย้ายเงินที่ได้มาโดยมิชอบออกนอกประเทศ
จีนนั้นมีปัญหาการคอร์รัปชั่นระบาดรุนแรง โดยองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจัดอันดับจีนที่ 83 จาก 168 ประเทศในดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นล่าสุด
ขณะเดียวกัน การเติบโตของแดนมังกรกำลังชะลอตัว ทำให้บรรดาเศรษฐีต้องพยายามหลบเลี่ยงกลไกการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนอันเคร่งครัดของทางการ และหาทางส่งเงินออกนอกประเทศ
รายงานของไอซีไอเจมีชื่อเครือญาติของผู้นำจีน อาทิ จาง เกาลี่ พี่เขยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท 3 แห่งที่ปิดกิจการก่อนที่สีเข้ารับตำแหน่งในปี 2012, ญาติของหลี่ เผิง ผู้นำการปราบปรามผู้ประท้วงในจัตุรัสเทียนอันเหมิน, ดาราดัง เฉินหลง เป็นต้น
สื่อจีนต่างหลีกเลี่ยงการรายงานกรณีปานามา เปเปอร์สในส่วนที่เปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลในประเทศ ขณะที่เว็บไซต์ที่รายงานเรื่องนี้ถูกจำกัดการเข้าถึง
กระทรวงต่างประเทศจีนยืนกรานปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเรื่องนี้ ขณะที่บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ที่เกี่ยวพันกับพรรคคอมมิวนิสต์ ฉบับวันพฤหัสฯ โจมตีว่า กฎหมายในตะวันตกให้การยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ และทั้งการเมืองและสื่อของตะวันตกล้วนแล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของเงินทุน