นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2559 อยู่ที่ 73.5 ลดลงจาก 74.7 ในเดือนก่อน เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันฟื้นตัวค่อนข้างช้า โดยเฉพาะภัยแล้งที่เริ่มรุนแรงขึ้นและการส่งออกไม่ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่ายังมีรายได้น้อย การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้าออกไปเป็นไตรมาส 3 -4 โดยดัชนีทุกตัวลดลงทั้งหมด ทั้งความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ 62.4 จาก 63.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคต ใน 6 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ 75.3 จาก 76.6
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 ซึ่งจะมีการทบทวนปลายเดือนเมษายนนี้ หลังจากการส่งออกยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว จากเดิมมองว่าจะไม่ขยายตัวหรือขยายตัวเล็กน้อย และมีโอกาสที่จะหดตัวร้อยละ 2 ทำให้เม็ดเงินหายไป 200,000-400,000 ล้านบาท บวกกับสถานการณ์ภัยแล้งมีผลกระทบให้เกิดความเสียหายประมาณ 60,000-120,000 ล้านบาท รวมทั้งการใช้จ่ายของชนชั้นกลางที่หายไป สังเกตได้จากยอดขายรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ที่ไม่ได้ตามเป้าหมาย โดยหวังว่ารัฐบาลจะเร่งการเบิกจ่ายงบค้างท่อและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและงบประมาณของภาครัฐที่เข้ามาดูแลภัยแล้ง บวกกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและกินเที่ยวช่วงสงกรานต์ รวมทั้งโครงการประชารัฐจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 100,000-150,000 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลดำเนินการได้ตามเป้าหมายความเชื่อมั่นน่าจะฟื้นตัวได้ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ถ้าล่าช้าความเชื่อมั่นจะฟื้นตัวในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 ซึ่งจะมีการทบทวนปลายเดือนเมษายนนี้ หลังจากการส่งออกยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว จากเดิมมองว่าจะไม่ขยายตัวหรือขยายตัวเล็กน้อย และมีโอกาสที่จะหดตัวร้อยละ 2 ทำให้เม็ดเงินหายไป 200,000-400,000 ล้านบาท บวกกับสถานการณ์ภัยแล้งมีผลกระทบให้เกิดความเสียหายประมาณ 60,000-120,000 ล้านบาท รวมทั้งการใช้จ่ายของชนชั้นกลางที่หายไป สังเกตได้จากยอดขายรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ที่ไม่ได้ตามเป้าหมาย โดยหวังว่ารัฐบาลจะเร่งการเบิกจ่ายงบค้างท่อและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและงบประมาณของภาครัฐที่เข้ามาดูแลภัยแล้ง บวกกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและกินเที่ยวช่วงสงกรานต์ รวมทั้งโครงการประชารัฐจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 100,000-150,000 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลดำเนินการได้ตามเป้าหมายความเชื่อมั่นน่าจะฟื้นตัวได้ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ถ้าล่าช้าความเชื่อมั่นจะฟื้นตัวในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป