วานนี้(30 มี.ค.59) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.ท.ชัยวิณ เสมาทอง ผอ.สำนักปราบปรามการทุจริตภาครัฐ 5 (ป.ป.ท.) กรณีนายกฤษณะ จึงเจริญ อายุ 36 ปี เสียชีวิตขณะถูกกักขังภายในสถานกักขังกลางปทุมธานี แต่พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ส่งสำนวนฟ้องโดยไม่มีชื่อผู้ต้องหาและปล่อยปละละเลยคดีนานกว่า 2 ปี จนนักโทษทั้ง 9 คน ถูกปล่อยตัวไปแล้ว จึงร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญากับ พ.ต.ท.อิทธิรัฐ ศักดิ์เพชร กับพวก พนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต รวมถึงร้องเรียนทางเจ้าหน้าที่สถานกักขัง ปล่อยปละละเลยและรู้เห็นเป็นใจให้นักโทษทั้ง 9 คนอีกด้วย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คดีเริ่มจากจากนายกฤษณะ ถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับ โดยศาล และมีคำพิพากษาปรับ 8,500 บาท แต่ผู้ต้องหาไม่จ่ายค่าปรับยอมถูกกักขังแทนค่าปรับ 42 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2557 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่มีหน้าที่คัดกรองผู้ต้องขัง ได้รับตัวและทำทะเบียนประวัตินายกฤษณะ ส่งไปอยู่ที่แดน 1 (แดนทั่วไป) ซึ่งผิดไปจากตามปกติระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์นั้น สำหรับผู้ที่มีโทษสถานเบาจะถูกส่งตัวไปที่แดน 2 (แดนแรกรับ)
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 นายกฤษณะ ถูกผู้ต้องขัง 9 คนซ้อมทำร้ายร่างกายซึ่งระหว่างที่ถูกทำร้ายนั้น พัศดีก็เห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด แต่ไม่ได้เข้าระงับเหตุแต่อย่างใด
"จนในที่สุดนายกฤษณะ ได้เสียชีวิตภายในห้องขังซอย แดน 2 หลังจากนั้นพัศดี จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอัยการธัญบุรี และ นพ.สุกรี สาและ มาร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ ก่อนจะส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายว่าเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก หัวใจวายเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม จากผลตรวจลายนิ้วมือผู้เสียชีวิต ปรากฏว่าผู้ตายที่แท้จริงคือ นายธนกฤต ทรัพย์กิ่ง เพราะนายนายกฤษณะ จึงเจริญ ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ 7 ม.ค.57 หลังจากนี้จะไปเรียกร้องต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ตรวจสอบกรณีการตั้งกรรมสอบการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ในส่วนกรมราชทัณฑ์ทั้ง 7 คน ที่เกี่ยวข้องการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง ที่ลงโทษสถานเบาเพียงหักเงินเดือน 300 บาทเป็นเวลา 3 เดือนเท่านั้น" นายอัจฉริยะ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ชัยวิณ กล่าวว่า ป.ป.ท.จะรับเรื่องไว้ทั้งข้อมูลและเอกสาร โดยหลังจากนี้จะต้องสอบข้อมูลทั้งจากผู้ที่ถูกกล่าวหา และในส่วนของผู้เกี่ยวข้องผู้เสียหายมาให้ข้อเท็จเพื่อพิจารณาตรวจสอบให้เกิดความถูกต้องต่อไป
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คดีเริ่มจากจากนายกฤษณะ ถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับ โดยศาล และมีคำพิพากษาปรับ 8,500 บาท แต่ผู้ต้องหาไม่จ่ายค่าปรับยอมถูกกักขังแทนค่าปรับ 42 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2557 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่มีหน้าที่คัดกรองผู้ต้องขัง ได้รับตัวและทำทะเบียนประวัตินายกฤษณะ ส่งไปอยู่ที่แดน 1 (แดนทั่วไป) ซึ่งผิดไปจากตามปกติระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์นั้น สำหรับผู้ที่มีโทษสถานเบาจะถูกส่งตัวไปที่แดน 2 (แดนแรกรับ)
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 นายกฤษณะ ถูกผู้ต้องขัง 9 คนซ้อมทำร้ายร่างกายซึ่งระหว่างที่ถูกทำร้ายนั้น พัศดีก็เห็นเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด แต่ไม่ได้เข้าระงับเหตุแต่อย่างใด
"จนในที่สุดนายกฤษณะ ได้เสียชีวิตภายในห้องขังซอย แดน 2 หลังจากนั้นพัศดี จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอัยการธัญบุรี และ นพ.สุกรี สาและ มาร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ ก่อนจะส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายว่าเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก หัวใจวายเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม จากผลตรวจลายนิ้วมือผู้เสียชีวิต ปรากฏว่าผู้ตายที่แท้จริงคือ นายธนกฤต ทรัพย์กิ่ง เพราะนายนายกฤษณะ จึงเจริญ ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ 7 ม.ค.57 หลังจากนี้จะไปเรียกร้องต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ตรวจสอบกรณีการตั้งกรรมสอบการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ในส่วนกรมราชทัณฑ์ทั้ง 7 คน ที่เกี่ยวข้องการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง ที่ลงโทษสถานเบาเพียงหักเงินเดือน 300 บาทเป็นเวลา 3 เดือนเท่านั้น" นายอัจฉริยะ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ชัยวิณ กล่าวว่า ป.ป.ท.จะรับเรื่องไว้ทั้งข้อมูลและเอกสาร โดยหลังจากนี้จะต้องสอบข้อมูลทั้งจากผู้ที่ถูกกล่าวหา และในส่วนของผู้เกี่ยวข้องผู้เสียหายมาให้ข้อเท็จเพื่อพิจารณาตรวจสอบให้เกิดความถูกต้องต่อไป