ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานเดือนก.พ.ยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี โดยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 3.9% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,006.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด หรือ +0.37% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,717.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.60 จุด หรือ +0.20% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,999.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด หรือ +0.33%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.2% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 2.7% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 2.8%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ปรับตัวลดลง 3 เซนต์ในเดือนก.พ. สู่ระดับเพิ่มขึ้น 2.2% โดยชะลอตัวลงจากระดับ 2.5% ในเดืนม.ค.
เจฟฟ์ โรเซนเบิร์ก หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทแบล็คร็อค กล่าวว่า การปรับตัวลงของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานนั้น แสดงให้เห็นว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสหรัฐไม่มีแนวโน้มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งข้อมูลนี้จะทำให้เฟดไม่ต้องรีบปรับนโยบายสู่ภาวะปกติ
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 3.9% เมื่อคืนนี้ หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมัน รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 6.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้นกว่า 19% และหุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 17%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบปรับตัวขึ้นเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าโลหะรายใหญ่ของโลกนั้น อาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับขึ้น 7.8% และหุ้นดูปองท์ เพิ่มขึ้น 2.1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ ปรับขึ้น 1.5% หุ้นเนทฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 7.2% และหุ้นฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด ทะยานขึ้นเกือบ 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,006.77 จุด เพิ่มขึ้น 62.87 จุด หรือ +0.37% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,717.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.60 จุด หรือ +0.20% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,999.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.59 จุด หรือ +0.33%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.2% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 2.7% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 2.8%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ปรับตัวลดลง 3 เซนต์ในเดือนก.พ. สู่ระดับเพิ่มขึ้น 2.2% โดยชะลอตัวลงจากระดับ 2.5% ในเดืนม.ค.
เจฟฟ์ โรเซนเบิร์ก หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทแบล็คร็อค กล่าวว่า การปรับตัวลงของตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานนั้น แสดงให้เห็นว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสหรัฐไม่มีแนวโน้มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งข้อมูลนี้จะทำให้เฟดไม่ต้องรีบปรับนโยบายสู่ภาวะปกติ
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 3.9% เมื่อคืนนี้ หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมัน รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 6.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้นกว่า 19% และหุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 17%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบปรับตัวขึ้นเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าโลหะรายใหญ่ของโลกนั้น อาจจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นอัลโค อิงค์ ปรับขึ้น 7.8% และหุ้นดูปองท์ เพิ่มขึ้น 2.1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ ปรับขึ้น 1.5% หุ้นเนทฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 7.2% และหุ้นฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด ทะยานขึ้นเกือบ 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง