ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบได้ช่วยสกัดแรงลบของตลาดในระหว่างวัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,014.38 จุด ลดลง 12.67 จุด หรือ -0.08% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,268.76 จุด ลดลง 14.99 จุด หรือ -0.35% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,852.21 จุด ลดลง 1.23 จุด หรือ -0.07%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลุดจากระดับ 28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิต
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ นำโดยหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 3.6% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 10% ขณะที่หุ้น Oneok Inc ดิ่งลง 11%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) ร่วงลง 2.3% หุ้นออราเคิล คอร์ป ปรับลง 1.5% ส่วนหุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปิดตลาดเกือบทรงตัว
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดให้สามารถลดแรงลบในระหว่างวันได้ โดยหุ้นมาร์ติน มาเรียตต้า มาเทเรียลส์ พุ่งขึ้น 9.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายวัตถุดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% ขณะที่หุ้นดูปองท์ ดีดตัวขึ้น 1.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นจิเลียด ซายส์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นไฟเซอร์ ปรับขึ้น 1.9% หุ้นบอสตัน ไซแอนทิฟิค ทะยานขึ้น 5%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมร่วงลงสู่ระดับ 93.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014 จากระดับ 95.2 ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างรอดูว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าหรือไม่ หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกรอบเกือบ 10 ปีในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค., ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคาส่งออกและนำเข้าเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,014.38 จุด ลดลง 12.67 จุด หรือ -0.08% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,268.76 จุด ลดลง 14.99 จุด หรือ -0.35% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,852.21 จุด ลดลง 1.23 จุด หรือ -0.07%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลุดจากระดับ 28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิต
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ นำโดยหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 3.6% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 10% ขณะที่หุ้น Oneok Inc ดิ่งลง 11%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) ร่วงลง 2.3% หุ้นออราเคิล คอร์ป ปรับลง 1.5% ส่วนหุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปิดตลาดเกือบทรงตัว
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดให้สามารถลดแรงลบในระหว่างวันได้ โดยหุ้นมาร์ติน มาเรียตต้า มาเทเรียลส์ พุ่งขึ้น 9.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายวัตถุดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% ขณะที่หุ้นดูปองท์ ดีดตัวขึ้น 1.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นจิเลียด ซายส์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นไฟเซอร์ ปรับขึ้น 1.9% หุ้นบอสตัน ไซแอนทิฟิค ทะยานขึ้น 5%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมร่วงลงสู่ระดับ 93.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014 จากระดับ 95.2 ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างรอดูว่า นางเยลเลนจะส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าหรือไม่ หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกรอบเกือบ 10 ปีในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนธ.ค., ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคาส่งออกและนำเข้าเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.