ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่ระบุว่า ดัชนีการจ้างงานของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,398.57 จุด เพิ่มขึ้น 52.12 จุด หรือ +0.32% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,637.99 จุด ลดลง 5.64 จุด หรือ -0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,923.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.64 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ตลาดดิ่งลงอย่างหนักติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า ดัชนีบ่งชี้ตลาดการจ้างงานในสหรัฐซึ่งได้รับการสำรวจโดย Conference Board นั้น พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของการจ้างงานชั่วคราวในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสตมาสและปีใหม่
ทั้งนี้ ดัชนีการจ้างงานของ Conference Board ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 129.33 และหากเมื่อเทียบรายปี ดัชนีการจ้างงานพุ่งขึ้น 2.6%
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ และสอดคล้องกับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 292,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. จากระดับ 252,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาตารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ได้ออกมาเตือนว่า ความเสี่ยงในระดับโลก ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการดิ่งลงของราคาน้ำมัน เป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, อินเทล คอร์ป และซิตี้กรุ๊ป
นักวิเคราะห์คาดว่าการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐจะบ่งชี้ถึงภาวะถดถอย โดยจะรายงานกำไรที่ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน นำโดยบริษัทกลุ่มพลังงาน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,398.57 จุด เพิ่มขึ้น 52.12 จุด หรือ +0.32% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,637.99 จุด ลดลง 5.64 จุด หรือ -0.12% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,923.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.64 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ตลาดดิ่งลงอย่างหนักติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า ดัชนีบ่งชี้ตลาดการจ้างงานในสหรัฐซึ่งได้รับการสำรวจโดย Conference Board นั้น พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของการจ้างงานชั่วคราวในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสตมาสและปีใหม่
ทั้งนี้ ดัชนีการจ้างงานของ Conference Board ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 129.33 และหากเมื่อเทียบรายปี ดัชนีการจ้างงานพุ่งขึ้น 2.6%
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ และสอดคล้องกับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 292,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. จากระดับ 252,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาตารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ได้ออกมาเตือนว่า ความเสี่ยงในระดับโลก ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการดิ่งลงของราคาน้ำมัน เป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, อินเทล คอร์ป และซิตี้กรุ๊ป
นักวิเคราะห์คาดว่าการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐจะบ่งชี้ถึงภาวะถดถอย โดยจะรายงานกำไรที่ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน นำโดยบริษัทกลุ่มพลังงาน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.