ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด รวมทั้งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 เช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,417.27 จุด พุ่งขึ้น 165.65 จุด หรือ +0.96% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,001.11 จุด เพิ่มขึ้น 32.19 จุด หรือ +0.65% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,038.97 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด หรือ +0.88%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพี ขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก
ส่วนยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของตัวเลขจีดีพีนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อต่ำก็เป็นปัจจัยหนุนการใช้จ่ายเช่นกัน
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4 ในขณะที่เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 2.1% ในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร
หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภค กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 1.15% ส่วนหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม และหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง พุ่งขึ้นกว่า 4.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 4.8% หุ้นยูไนเต็ด เรนทัลส์ ปรับขึ้น 4.3%
หุ้นวอล-มาร์ท พุ่งขึ้น 1.7% ขานรับรายงานที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ทะยานขึ้น 3.42% หลังจากออโตโมทีฟ นิวส์รายงานว่า ฟอร์ดกำลังเจรจากับกูเกิล อิงค์ เพื่อติดตั้งระบบ self-driving ในรถยนต์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,417.27 จุด พุ่งขึ้น 165.65 จุด หรือ +0.96% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,001.11 จุด เพิ่มขึ้น 32.19 จุด หรือ +0.65% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,038.97 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด หรือ +0.88%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพี ขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก
ส่วนยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของตัวเลขจีดีพีนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อต่ำก็เป็นปัจจัยหนุนการใช้จ่ายเช่นกัน
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4 ในขณะที่เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 2.1% ในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร
หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภค กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 1.15% ส่วนหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม และหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง พุ่งขึ้นกว่า 4.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 4.8% หุ้นยูไนเต็ด เรนทัลส์ ปรับขึ้น 4.3%
หุ้นวอล-มาร์ท พุ่งขึ้น 1.7% ขานรับรายงานที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ทะยานขึ้น 3.42% หลังจากออโตโมทีฟ นิวส์รายงานว่า ฟอร์ดกำลังเจรจากับกูเกิล อิงค์ เพื่อติดตั้งระบบ self-driving ในรถยนต์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน