นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเตรียมการทำประชามติ ว่า แม้ขณะนี้ กกต.จะประสบปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่โดยรวมแล้วยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลใจสำหรับการทำประชามติ เพราะยังสามารถดำเนินการได้ ไม่กระทบต่อขวัญกำลังใจ แต่ขณะนี้เมื่อเงินเหลือน้อย หากจะทำประชามติรัฐบาลต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้กับ กกต. ซึ่งจะไม่เหมือนทุกครั้งที่ กกต.สำรองจ่ายไปก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการติดขัดในการทำงาน
ส่วนการเตรียมการเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งการแก้ไขหลักการที่สำคัญในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ... และการออกระเบียบต่าง ๆ ขณะนี้เตรียมการไว้แล้ว โดยหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเสร็จ กกต.จะส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ... ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา หลังจากนั้นจะออกระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายสมชัย กล่าวว่า กฎหมายทุกอย่างจะเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ จะมีผลบังคับใช้ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นการสร้างกติกาเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม ส่วนวงเงินงบประมาณการทำประชามติ คาดว่าจะทราบชัดเจนเดือนนี้ แล้วจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ยืนยันว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 3,400 ล้านบาท หรืออาจจะต่ำกว่า ส่วนการจัดเตรียมด้านแผนงาน และโครงการกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติได้จัดเตรียมการไว้แล้ว โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญของฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ ซึ่งจะให้โอกาสแต่ละฝ่ายเท่าเทียมกัน โดย กกต.จะให้องค์กร หรือหน่วยงานที่สนใจจะรณรงค์ลงทะเบียนกับกกต. และเสนอโครงการกิจกรรมที่จะทำขึ้นมา โดย กกต.ได้เตรียมงบประมาณสนับสนุนแต่ละฝ่ายไว้ฝ่ายละ 50 ล้านบาท ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การรณรงค์รับหรือไม่รับนั้นยังสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด แต่จะรณรงค์ว่าไม่ให้ไปออกเสียงไม่ได้ หรือไปออกเสียงไม่ได้ เพราะจะเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อความวุ่นวาย ซึ่งจะต้องดูว่าความผิดสำเร็จไหม หากสำเร็จแล้วทำให้จำเป็นต้องออกเสียงใหม่ ก็ต้องมีต้นทุนการใช้จ่าย หากขัดขวางการออกเสียงประชามติทำให้หน่วยออกเสียง 1-2 หน่วยต้องจัดออกเสียงใหม่ก็ต้องรับผิดชอบทางแพ่งในต้นทุนการจัดออกเสียงประชามติ หรือหากทำให้การลงประชามติเสียไปทั้งประเทศก็ต้องรับผิดชอบหลัก 3,400 ล้าน ซึ่งใครทำให้เสียก็ต้องฟ้องร้องดำเนินคดี
ส่วนการเตรียมการเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งการแก้ไขหลักการที่สำคัญในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ... และการออกระเบียบต่าง ๆ ขณะนี้เตรียมการไว้แล้ว โดยหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเสร็จ กกต.จะส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ... ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา หลังจากนั้นจะออกระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายสมชัย กล่าวว่า กฎหมายทุกอย่างจะเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ จะมีผลบังคับใช้ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นการสร้างกติกาเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม ส่วนวงเงินงบประมาณการทำประชามติ คาดว่าจะทราบชัดเจนเดือนนี้ แล้วจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ยืนยันว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 3,400 ล้านบาท หรืออาจจะต่ำกว่า ส่วนการจัดเตรียมด้านแผนงาน และโครงการกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติได้จัดเตรียมการไว้แล้ว โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญของฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ ซึ่งจะให้โอกาสแต่ละฝ่ายเท่าเทียมกัน โดย กกต.จะให้องค์กร หรือหน่วยงานที่สนใจจะรณรงค์ลงทะเบียนกับกกต. และเสนอโครงการกิจกรรมที่จะทำขึ้นมา โดย กกต.ได้เตรียมงบประมาณสนับสนุนแต่ละฝ่ายไว้ฝ่ายละ 50 ล้านบาท ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การรณรงค์รับหรือไม่รับนั้นยังสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด แต่จะรณรงค์ว่าไม่ให้ไปออกเสียงไม่ได้ หรือไปออกเสียงไม่ได้ เพราะจะเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อความวุ่นวาย ซึ่งจะต้องดูว่าความผิดสำเร็จไหม หากสำเร็จแล้วทำให้จำเป็นต้องออกเสียงใหม่ ก็ต้องมีต้นทุนการใช้จ่าย หากขัดขวางการออกเสียงประชามติทำให้หน่วยออกเสียง 1-2 หน่วยต้องจัดออกเสียงใหม่ก็ต้องรับผิดชอบทางแพ่งในต้นทุนการจัดออกเสียงประชามติ หรือหากทำให้การลงประชามติเสียไปทั้งประเทศก็ต้องรับผิดชอบหลัก 3,400 ล้าน ซึ่งใครทำให้เสียก็ต้องฟ้องร้องดำเนินคดี