นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยภายหลังหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับความคืบหน้าการทำประชามติในการร่างรัฐธรรมนูญว่า จะใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิเป็นเกณฑ์ในการตัดสินประชามติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับถ้อยคำให้ถูกต้องเหมาะสม รวมถึงจะยกเลิกหลักเกณฑ์การส่งร่างรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และจะเปลี่ยนไปใช้หลักเกณฑ์ใหม่ คือ เมื่อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งร่างมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว กกต.จะจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ภายในไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ต้องไม่เกิน 120 วัน ซึ่งใกล้เคียงกับโรดแมปเดิมที่กำหนดไว้ และให้ กกต.มีหน้าที่ในการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ให้ความรู้ประชาชนในทุกช่องทางมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
นายสมชัย กล่าวว่า กกต.จะจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ 3 รูปแบบ คือ ฉบับเต็มจัดพิมพ์ 1.2 ล้านเล่ม แจกจ่ายจุดสำคัญที่ประชาชนเข้าถึงได้ อาทิ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และโรงเรียน ฉบับสรุปสาระสำคัญที่ กรธ ส่งมายัง กกต.ไม่เกิน 20 หน้า จำนวน 6 ล้านฉบับ แจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร้องขอมา และฉบับสรุปย่อสาระสำคัญ 17 ล้านฉบับ ส่งให้ประชาชน 17 ล้านครัวเรือน
นอกจากนี้ จะปรับเกณฑ์อายุของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติ เป็นเกณฑ์อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่มีการทำประชามติ ซึ่งจะทำให้มีผู้มาใช้สิทธิได้มากขึ้น ดังนั้น กกต.จะเสนอให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ใน 3 ประเด็น คือ การคิดคะแนนเสียงประชามติ การจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ลงเสียง
นายสมชัย กล่าวว่า กกต.จะจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ 3 รูปแบบ คือ ฉบับเต็มจัดพิมพ์ 1.2 ล้านเล่ม แจกจ่ายจุดสำคัญที่ประชาชนเข้าถึงได้ อาทิ ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และโรงเรียน ฉบับสรุปสาระสำคัญที่ กรธ ส่งมายัง กกต.ไม่เกิน 20 หน้า จำนวน 6 ล้านฉบับ แจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร้องขอมา และฉบับสรุปย่อสาระสำคัญ 17 ล้านฉบับ ส่งให้ประชาชน 17 ล้านครัวเรือน
นอกจากนี้ จะปรับเกณฑ์อายุของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติ เป็นเกณฑ์อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่มีการทำประชามติ ซึ่งจะทำให้มีผู้มาใช้สิทธิได้มากขึ้น ดังนั้น กกต.จะเสนอให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ใน 3 ประเด็น คือ การคิดคะแนนเสียงประชามติ การจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ลงเสียง