กรณีเหตุการณ์กลุ่มตัวแทนเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ (คสพ.) รวมกลุ่มชุมนุมประกาศสังฆามติต่อหน้าสื่อมวลชน โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง 5 ข้อ โดยช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับข้อเสนอดังที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เป็นไปดังคาด ขอบใจนะจ๊ะ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ฉันพยายามคิดมานานแล้ว ว่าจะทำวิธีใด ให้รัฐบาลหันมาสนใจใส่ใจต่อปัญหาของศาสนจักร ทำอย่างไรจะทำให้คนทั้งประเทศได้เห็นถึงความฟอนแฟะเน่าเหม็นที่หมกเอาไว้ใต้ดงผ้าเหลือง แล้วหาวิธีแก้ไขให้เหมาะสมถูกต้องตรงต่อพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา จนสุดท้ายเลยต้องใช้มุขนิดหน่อย แต่ก็เหนื่อยไปไม่น้อย และก็ได้ผลเสียด้วย หากจะเรียบเรียงกันให้ครบ ท่านจะพบทางเดินเกมของขบวนการนี้ตั้งแต่ นายทักษิณออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญฉบับยกร่างของคุณมีชัยว่าห่วยแตก ตามด้วยบรรดาลิ่วล้อพรรคเพื่อไทยออกมาขู่จะคว่ำร่าง แกนนำ นปช. และนักวิชาการเสื้อแดงออกมาขย่มถ่มถุยการทำงานของรัฐบาล คสช. ต่อด้วยอดีตนายกปูเปิดบ้านให้สื่อต่างชาติเขาสัมภาษณ์ ขอโอกาสให้ได้พูดบ้าง แถมด้วยหมอเหวงมายืนยันว่าธรรมกาย และคณะสงฆ์เป็นรากฐานสุดท้ายของ นปช. คนเสื้อแดง และระบอบทักษิณ พร้อมกับคำขู่ของฉันว่า จะเดินทางไปสวดกุสลาและบังสุกุลตายวางพวงหรีดให้มหาเถรฟัง ศูนย์พิทักษ์ธรรมกาย และสมเด็จช่วงเลยฉวยโอกาสตอนที่นายกตู่ ไปประชุมที่สหรัฐฯ จึงได้เร่งรีบออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้รัฐบาลรีบนำชื่อสมเด็จช่วงผู้มั่งคั่ง มีเงินซื้อรถแจกสาวได้นั้น ทูลเกล้าเพื่อทรงแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราช มองดูผิวเผินอาจจะคิดว่าแค่เรียกร้องให้ได้ตำแหน่งสังฆราช
แต่โดยเนื้อแท้แล้วก็คือปกป้องธรรมกาย ปกป้องระบอบทักษิณ เผื่อฟลุ๊คอาจจุดชนวนไปถึงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และล้มรัฐบาล คสช. ไปด้วย และภาพที่เห็น ผู้มาร่วมชุมนุมมีการนำเครื่องใช้ส่วนตัวมาด้วย เรื่องบังเอิญแบบนี้ไม่มีในโลก แต่ไม่ว่าจะนัดแนะหรือบังเอิญ ก็ต้องขอขอบใจพวกที่ออกมาเคลื่อนไหว ที่ช่วยทำงานแทนฉัน สามารถทำให้รัฐบาลหันมาสนใจใส่ใจต่อปัญหาของพระสงฆ์ ปัญหาของนักบวชที่ละเมิดพระธรรมวินัย และหาวิธีทำการปฏิรูปสังฆมณฑลให้กลับมางดงาม สงบ เป็นที่ยอมรับของคนพุทธทั้งโลกได้ หากรัฐบาลทำได้จะนำเอาฉันไปตัดหัวอย่างไรจะไม่ปฏิเสธเลย ขอให้สามารถกำจัดอลัชชีให้พ้นไปจากพระธรรมวินัยนี้ให้ได้ และทำให้พระพุทธศาสนากลับมางดงามสดใสก็เพียงพอแล้ว ยังไงก็ขอบใจอีกครั้ง อยู่ยาวไปเลยจะได้รู้กันว่าอธรรมมันจะชนะธรรมะได้หรือไม่”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เป็นไปดังคาด ขอบใจนะจ๊ะ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ฉันพยายามคิดมานานแล้ว ว่าจะทำวิธีใด ให้รัฐบาลหันมาสนใจใส่ใจต่อปัญหาของศาสนจักร ทำอย่างไรจะทำให้คนทั้งประเทศได้เห็นถึงความฟอนแฟะเน่าเหม็นที่หมกเอาไว้ใต้ดงผ้าเหลือง แล้วหาวิธีแก้ไขให้เหมาะสมถูกต้องตรงต่อพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา จนสุดท้ายเลยต้องใช้มุขนิดหน่อย แต่ก็เหนื่อยไปไม่น้อย และก็ได้ผลเสียด้วย หากจะเรียบเรียงกันให้ครบ ท่านจะพบทางเดินเกมของขบวนการนี้ตั้งแต่ นายทักษิณออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญฉบับยกร่างของคุณมีชัยว่าห่วยแตก ตามด้วยบรรดาลิ่วล้อพรรคเพื่อไทยออกมาขู่จะคว่ำร่าง แกนนำ นปช. และนักวิชาการเสื้อแดงออกมาขย่มถ่มถุยการทำงานของรัฐบาล คสช. ต่อด้วยอดีตนายกปูเปิดบ้านให้สื่อต่างชาติเขาสัมภาษณ์ ขอโอกาสให้ได้พูดบ้าง แถมด้วยหมอเหวงมายืนยันว่าธรรมกาย และคณะสงฆ์เป็นรากฐานสุดท้ายของ นปช. คนเสื้อแดง และระบอบทักษิณ พร้อมกับคำขู่ของฉันว่า จะเดินทางไปสวดกุสลาและบังสุกุลตายวางพวงหรีดให้มหาเถรฟัง ศูนย์พิทักษ์ธรรมกาย และสมเด็จช่วงเลยฉวยโอกาสตอนที่นายกตู่ ไปประชุมที่สหรัฐฯ จึงได้เร่งรีบออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้รัฐบาลรีบนำชื่อสมเด็จช่วงผู้มั่งคั่ง มีเงินซื้อรถแจกสาวได้นั้น ทูลเกล้าเพื่อทรงแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราช มองดูผิวเผินอาจจะคิดว่าแค่เรียกร้องให้ได้ตำแหน่งสังฆราช
แต่โดยเนื้อแท้แล้วก็คือปกป้องธรรมกาย ปกป้องระบอบทักษิณ เผื่อฟลุ๊คอาจจุดชนวนไปถึงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และล้มรัฐบาล คสช. ไปด้วย และภาพที่เห็น ผู้มาร่วมชุมนุมมีการนำเครื่องใช้ส่วนตัวมาด้วย เรื่องบังเอิญแบบนี้ไม่มีในโลก แต่ไม่ว่าจะนัดแนะหรือบังเอิญ ก็ต้องขอขอบใจพวกที่ออกมาเคลื่อนไหว ที่ช่วยทำงานแทนฉัน สามารถทำให้รัฐบาลหันมาสนใจใส่ใจต่อปัญหาของพระสงฆ์ ปัญหาของนักบวชที่ละเมิดพระธรรมวินัย และหาวิธีทำการปฏิรูปสังฆมณฑลให้กลับมางดงาม สงบ เป็นที่ยอมรับของคนพุทธทั้งโลกได้ หากรัฐบาลทำได้จะนำเอาฉันไปตัดหัวอย่างไรจะไม่ปฏิเสธเลย ขอให้สามารถกำจัดอลัชชีให้พ้นไปจากพระธรรมวินัยนี้ให้ได้ และทำให้พระพุทธศาสนากลับมางดงามสดใสก็เพียงพอแล้ว ยังไงก็ขอบใจอีกครั้ง อยู่ยาวไปเลยจะได้รู้กันว่าอธรรมมันจะชนะธรรมะได้หรือไม่”