รายงานข่าวแจ้งว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหนังสือมาถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เพื่อให้พิจารณาดำเนินการถึงพฤติการณ์ของพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ที่น่าจะเข้าข่ายกระทำผิดอาญาจากกรณีการถือครองที่ดินและทรัพย์สิน ซึ่งจากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศาล สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม กองบังคับการปราบปราม ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ สรุปได้ว่า การกระทำของพระธัมมชโย ถือว่าเป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต" และ "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และ 157 ทุกประการแล้ว แม้ในภายหลังจะนำทรัพย์ที่ได้ยกยอกไปแล้วมาคืนให้แก่วัดพระธรรมกายก็ตาม การกระทำดังกล่าวก็เป็นเพียงการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดที่ได้กระทำลงไป เพียงเหตุก็เพราะต้องยอมจำนนต่อพยานหลักฐานเท่านั้น หาใช่ไม่เป็นความผิดก็หาไม่“
ทั้งนี้ดีเอสไอเห็นว่า ยังคงมีประเด็นที่มหาเถรสมาคมจะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไปใน 2 กรณีคือ 1.การดำเนินการให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่มีมติของมหาเถรสมาคมรับรองให้ถือเป็นคำสั่งที่ชอบและจะต้องปฏิบัติตามให้ครบถ้วน ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2.การพิจารณาความผิดและการดำเนินกับเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ขั้นต้น ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการตามข้อ 1
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติเห็นชอบให้ดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสพระธรรมกาย ในข้อหารับของโจรและฟอกเงินในส่วนของคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ก็ต้องไปประสานกับดีเอสไอด้วย เพราะเป็น1ในคำถามที่ตนถาม พศ.ไป ในส่วนของดีเอสไอก็ยังไม่มีข้อสรุป ส่วนที่ถามว่าตนกลัวอิทธิพลของวัดธรรมกายใช่หรือไม่ นั้นทำตามเนื้อผ้าและข้อเท็จจริง
ส่วนความคืบหน้ากรณีแต่งตั้งพระสังฆราชนั้น พศ.ยังไม่ส่งหนังสือตอบกลับมา ไม่ได้ดึงเรื่อง แต่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีเพราะรู้ว่าท่านจะมีคำถามอะไรบ้าง แต่ตนยังตอบท่านไม่ได้จึงยังเสนอไม่ได้ ไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องกลับมาถามที่ตนอีก
“มันอยู่ที่ผม ความรับผิดชอบก็อยู่ที่ผม ถ้าตำหนิก็ต้องมาตำหนิผมว่าไม่ผลักดันให้คืบหน้า แต่คนที่ทำเรื่องนี้อยู่รู้ดีว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ แล้วเราเป็นห่วงอะไร เราหวังที่จะเห็นอะไรในสังคมไทย ผมว่าทุกฝ่ายเข้าใจดีนะว่าเราเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ได้ดึงอะไร”
ต่อข้อถามที่ว่าที่บอกว่าเรื่องนี้จะจบในยุคท่านแสดงว่ามีแนวทางอยู่แล้วว่าจะจบอย่างไร นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า มันคนละเรื่องกัน ต้องไปดูคำสัมภาษณ์ของตนให้ละเอียด เพราะเนื้อหารายละเอียดกับจั่วหัวข่าวไม่เหมือนกัน ตนยึดหลักตรงไปตรงมา อยู่บนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าก็ยังไม่รู้ว่าจะจบหรือยุติในรัฐบาลนี้ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ก็ต้องแยกออกจากกันก่อนว่าวันนั้นสื่อถามตนเรื่องพระธัมมชโย แล้วก็ถามว่าค้างคามานาน ซึ่งตนตอบว่า ถ้ามันเสร็จได้มันก็เสร็จ ก็ต้องอยู่บนข้อเท็จจริงที่มีทั้งหมด แต่เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังดำเนินการอยู่ทุกเรื่อง ดีเอสไอทำตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทำเรื่องมา ก็ทำตามผลการสอบสวนและการร้องเรียน
ทั้งนี้ดีเอสไอเห็นว่า ยังคงมีประเด็นที่มหาเถรสมาคมจะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไปใน 2 กรณีคือ 1.การดำเนินการให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่มีมติของมหาเถรสมาคมรับรองให้ถือเป็นคำสั่งที่ชอบและจะต้องปฏิบัติตามให้ครบถ้วน ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2.การพิจารณาความผิดและการดำเนินกับเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ขั้นต้น ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการตามข้อ 1
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติเห็นชอบให้ดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสพระธรรมกาย ในข้อหารับของโจรและฟอกเงินในส่วนของคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ก็ต้องไปประสานกับดีเอสไอด้วย เพราะเป็น1ในคำถามที่ตนถาม พศ.ไป ในส่วนของดีเอสไอก็ยังไม่มีข้อสรุป ส่วนที่ถามว่าตนกลัวอิทธิพลของวัดธรรมกายใช่หรือไม่ นั้นทำตามเนื้อผ้าและข้อเท็จจริง
ส่วนความคืบหน้ากรณีแต่งตั้งพระสังฆราชนั้น พศ.ยังไม่ส่งหนังสือตอบกลับมา ไม่ได้ดึงเรื่อง แต่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีเพราะรู้ว่าท่านจะมีคำถามอะไรบ้าง แต่ตนยังตอบท่านไม่ได้จึงยังเสนอไม่ได้ ไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องกลับมาถามที่ตนอีก
“มันอยู่ที่ผม ความรับผิดชอบก็อยู่ที่ผม ถ้าตำหนิก็ต้องมาตำหนิผมว่าไม่ผลักดันให้คืบหน้า แต่คนที่ทำเรื่องนี้อยู่รู้ดีว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ แล้วเราเป็นห่วงอะไร เราหวังที่จะเห็นอะไรในสังคมไทย ผมว่าทุกฝ่ายเข้าใจดีนะว่าเราเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ได้ดึงอะไร”
ต่อข้อถามที่ว่าที่บอกว่าเรื่องนี้จะจบในยุคท่านแสดงว่ามีแนวทางอยู่แล้วว่าจะจบอย่างไร นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า มันคนละเรื่องกัน ต้องไปดูคำสัมภาษณ์ของตนให้ละเอียด เพราะเนื้อหารายละเอียดกับจั่วหัวข่าวไม่เหมือนกัน ตนยึดหลักตรงไปตรงมา อยู่บนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าก็ยังไม่รู้ว่าจะจบหรือยุติในรัฐบาลนี้ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ก็ต้องแยกออกจากกันก่อนว่าวันนั้นสื่อถามตนเรื่องพระธัมมชโย แล้วก็ถามว่าค้างคามานาน ซึ่งตนตอบว่า ถ้ามันเสร็จได้มันก็เสร็จ ก็ต้องอยู่บนข้อเท็จจริงที่มีทั้งหมด แต่เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังดำเนินการอยู่ทุกเรื่อง ดีเอสไอทำตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทำเรื่องมา ก็ทำตามผลการสอบสวนและการร้องเรียน