xs
xsm
sm
md
lg

“ไพบูลย์” ร้องดีเอสไอสอบพระเถระสะสมรถหรู ปัดค้านตั้ง “สมเด็จช่วง” เป็นสังฆราช ชี้คลายข้อครหาให้สังคม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR online - “ไพบูลย์” ร้องดีเอสไอสอบกรณีพระเถระผู้ใหญ่สะสมรถหรู ค้านไม่เห็นด้วยกับ กม.ใหนายกฯ เห็นชอบตามมติของมหาเถรสมาคม ยกผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่วินิจฉัย ชี้ตรวจสอบให้ชัดเจนการเลี่ยงภาษี ปัดค้านตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่ ย้ำแค่คลายข้อครหาให้สังคม หากพบช้อเท็จริงให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาตัวเอง ขณะที่ “พล.อ.ไพบูลย์” เผยคดีดังกล่าวตั้งแต่ปี 2556 สงสัย 4 กลุ่มทำเป็นระบบ หากพบผิดว่าไปตาม กม. หากช้าดีเอสไอต้องตอบสังคมให้ได้



วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 09.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานปฏิรูปศาสนา พร้อมด้วยคณะ เดินทางร้องเรียนต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.บริหารสำนักคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีพระเถระผู้ใหญ่ครอบครองรถหรูโบราณ โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาขอให้เจ้าหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยข้อกฎหมายเกี่ยวกับมาตรา 7 ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ในส่วนขั้นตอนที่ว่าด้วยในการดำเนินการเสนอชื่อสมเด็จราชาคณะที่มีสมณศักดิ์อาวุโสสูงสุดเพื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า สำหรับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชเป็นมติของสำนักพระพุทธศาสนา ตนเองไม่เห็นด้วยมองว่าตามตัวบทที่เขียนไว้นั้นกำหนดว่าจะให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม และต้องมีตัวแทนจากมหาเถรสมาคมส่งยื่นเรื่องเข้าไปเพื่อขอความเห็นชอบ แต่เมื่อเขียนว่าให้นายกรัฐมนตรีด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมนั้นก็เหมือนกับกรณีให้นายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเหมือนคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่คณะรัฐมนตรีอยู่ดีๆ ก็ยกขึ้นมาได้ ต้องให้นายกรัฐมนตรีนำเรื่องส่งเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ไม่ใช่จะยกตัวบุคคลหรือกรรมการองค์กรอิสระขึ้นมาพิจารณาให้ความเห็นชอบไม่ได้ ต้องมีหน่วยงานหรือองค์กรสรรหาและเสนอชื่อเข้ามา

“เรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะวินิจฉัย เพราะสำนักพระพุทธศาสนาเป็นหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น ผมจะเดินทางไปยื่นหนังสือกับผู้ตรวจการแผ่นดิน ในวันอังคารที่ 19 ม.ค. เวลา 09.00 น. พร้อมทำสำเนาเพื่อที่จะเรียนไปยัง นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบว่าได้ยื่นเรื่องทักทวงไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจในการวินิจฉัย และขอให้ชะลอเรื่องเอาไว้ก่อน ไม่ควรดำเนินการส่งเรื่องดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรีเพราะเนื่องจากว่าไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดไว้” นายไพบูลย์กล่าว

ด้าน พ.ต.ต.วรณันเปิดเผยว่า การพิจารณาคดีแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม 1. กลุ่มครอบครองรถหรู มูลค่าเกิน 4 ล้านบาท ประมาณ 500 คัน 2. กลุ่มครอบครองรถหรู มูลค่าไม่เกิน 4 ล้านบาท ประมาณ 5,000-6,000 คัน โดยคำร้องที่เข้ามาคือครอบครองรถหรูกลุ่มที่ 2 ซึ่งทางดีเอสไอตรวจสอบอยู่แล้วเพียงแต่ว่ามีประเด็นทางสังคมต้องทำข้อมูลให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นประเด็นของการนำเข้า ต้องรับเอกสารของกรมศุลกากรมาตรวจสอบด้วย

พ.ต.ต.วรณันกล่าวเพิ่มว่า ส่วนการเร่งรัดของดีเอสไอ ดำเนินการต่อกลุ่มที่ 1 กรณีครอบครองรถหรูเกิน 4 ล้านบาท เป็นกลุ่มแรก และกลุ่มที่ 2 ก็ได้ดำเนินการควบคู่กันไป แต่ที่นี้มีประเด็นสังคมจึงประสานไปยัง กรมศุลกากร เพื่อเร่งรัดเอกสารและจะทำความจริงให้ปรากฏด้วยการบังคับใช้กฎหมาย

“เรื่องทางศาสนาเป็นเรื่องที่วงการสงฆ์ต้องดำเนินการเอง แต่เรื่องกฎหมายเป็นหน้าที่ของ ดีเอสไอ ในชั้นนี้จะไปไล่เรียงเรื่องเอกสารหลักฐานก่อนและจะไปถึงเรื่องตัวรถหรู โดยที่ผ่านมา 3 ปีนั้นช่วงแรกเราให้ความสำคัญต่อกลุ่มที่ 1 ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็ทำงานคู่ขนานกันไป แต่เมื่ออยู่ในความสนใจจึงเร่งรัดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ส่วนรถหรูนั้นในขณะนี้เท่าที่ปรากฏในเอกสารระงับการใช้ไปแล้ว ปัญหาตอนนี้จะเข้าไปดูตั้งแต่กระบวนการนำเข้ามาเป็นอย่างไร แล้วดำเนินการในการครอบครองต้องดูข้อเท็จจริงเป็นส่วนๆ ไป” พ.ต.ต.วรณันกล่าวปิดท้าย

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานปฏิรูปศาสนา เปิดเผยว่า หลังจากขึ้นไปยื่นเรื่องเรียบร้อยแล้วว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษต้องตรวจสอบคดีนี้ให้ชัดเจน หากพบว่าไม่ผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น อาทิ การเลี่ยงภาษี จะทำให้ข้อครหาเกี่ยวกับรถหรูได้ข้อยุติและสังคมรับรู้ชัดเจน แต่ถ้ามีข้อเท็จจริงบางประการผิดกฎหมายทำให้สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รับทราบข้อเท็จจริง และท่านต้องใช้ดุลพินิจเองในการตัดสินใจ ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว ส่วนขั้นตอนต่างๆ ควรให้หยุดไว้ก่อน

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน เมื่อปี 2556 โดยตนไม่ได้ลงไปดูรายละเอียด ไม่ได้เร่งรัดแต่ทราบจากข่าวเรื่องคาบเกี่ยวกับคดีรถหรูหลายคันเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ ตนสงสัยว่าตอนนั้นมีการแบ่งกลุ่มรถหรูเกิน 4 ล้านทั้งที่หลักการต้องทำเป็นระบบ หากตรวจสอบก็ว่าไปตามผิดตามถูก แต่อย่าเอาไปเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม หากล่าช้า ดีเอสไอต้องตอบสังคมให้ได้ด้วย































กำลังโหลดความคิดเห็น