พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่าขอดูรายละเอียดก่อนว่าระบบการให้ทุนเป็นอย่างไร หรือมีช่องว่างตรงไหน อย่างไร และอยู่ในความรับผิดชอบของใคร ซึ่งเท่าที่ทราบมหาวิทยาลัยมหิดล คงมีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ไว้อยู่แล้วแต่จะมีการฟ้องร้องให้ดำเนินคดีทางอาญากับอาจารย์ข้อหาทำให้ราชการเสียหาย หรือไม่นั้นไม่ขอตอบในประเด็นนี้เพราะต้องพิจารณาข้อมูลก่อน
อย่างไรก็ตาม เรื่องการรับทุนของอดีตอาจารย์มรายดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะทุนมีหลายประเภทส่วนที่พฤติกรรมที่ปรากฎนี้จะทำให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนหรือไม่นั้นคงไม่ต้องพูดอะไร เพราะสังคมได้ลงโทษเขาไปแล้ว ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเคยสั่งการให้ทุกกระทรวงไปรวบรวมข้อมูล ระบบการให้ทุน เพื่อปรับให้ได้มาตรฐาน ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการเบื้องต้นคิดว่าจะกำหนดให้ทุนในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ผู้รับทุนไม่กลับมาทำงานใช้ทุน และไม่ใช้เงินคืนทุนนั้นก็ต้องคิดหามาตรการป้องกันต่อไป ส่วนจะถึงขั้นกำหนดให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่นั้น คงไม่สามารถตอบได้
ทั้งนี้ ในอนาคตการพิจารณาให้ทุนของ ศธ.ต้องมีความรอบคอบมากขึ้น โดยจะเน้นสาขาที่ขาดแคลนเป็นหลัก และที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา( สกอ.) ได้เสนอโครงการทุนพัฒนาอาจารย์เข้ามาให้พิจารณาแล้ว แต่ก็ส่งเรื่องคืนไปเพราะสกอ.ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าทุนนี้จะตรงตามความต้องการของ ประเทศ หรือถ้าให้ไปแล้วจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างไร
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า เป้าหมายของการให้ทุนการศึกษาในอดีต คือต้องการสร้างคนเพื่อกลับมาทำงานพัฒนาประเทศ ซึ่งโดยหลักต้องกลับมาทำงานเป็นเวลา 2 เท่าของเวลาที่ไปเรียน อาทิ เรียน 4 ปี ต้องกลับมาใช้ทุน 8 ปี เป็นต้น และถ้าใช้ทุนไม่ครบตามเวลาที่กำหนดก็ใช้เป็นเงินแทน ซึ่งตามสัญญาจะอยู่ที่ 2-3 เท่าของเงินทุนที่ได้รับ แต่มาระยะหลังพบว่านักเรียนทุน มีปัญหาจนไม่สามารถใช้ทุนได้ในหลายสาเหตุ และผู้ค้ำซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ที่อยากสนับสนุนให้ลูกศิษย์ที่มีแวว ได้มีโอกาสไปพัฒนาตนเอง สุดท้ายก็ต้องมาใช้หนี้แทนเพราะลูกศิษย์ไม่ทำงานชดใช้ทุน
อย่างไรก็ตามตรงนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ผู้รับทุนได้ทำไว้ แต่ตามระเบียบของกรมบัญชีกลางกำหนดไว้ว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบใช้ทุนแทน แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะทุนมีหลายรูปแบบ ดังนั้นต้องไปดูสัญญาว่าระบุไว้เช่นไร ซึ่งกรณีนี้ไม่ทราบว่าสัญญาเป็นในลักษณะใดต้องไปดูที่ต้นสังกัดคือ มม. ที่จะต้องติดตาม
อย่างไรก็ตาม เรื่องการรับทุนของอดีตอาจารย์มรายดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะทุนมีหลายประเภทส่วนที่พฤติกรรมที่ปรากฎนี้จะทำให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนหรือไม่นั้นคงไม่ต้องพูดอะไร เพราะสังคมได้ลงโทษเขาไปแล้ว ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเคยสั่งการให้ทุกกระทรวงไปรวบรวมข้อมูล ระบบการให้ทุน เพื่อปรับให้ได้มาตรฐาน ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการเบื้องต้นคิดว่าจะกำหนดให้ทุนในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ผู้รับทุนไม่กลับมาทำงานใช้ทุน และไม่ใช้เงินคืนทุนนั้นก็ต้องคิดหามาตรการป้องกันต่อไป ส่วนจะถึงขั้นกำหนดให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่นั้น คงไม่สามารถตอบได้
ทั้งนี้ ในอนาคตการพิจารณาให้ทุนของ ศธ.ต้องมีความรอบคอบมากขึ้น โดยจะเน้นสาขาที่ขาดแคลนเป็นหลัก และที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา( สกอ.) ได้เสนอโครงการทุนพัฒนาอาจารย์เข้ามาให้พิจารณาแล้ว แต่ก็ส่งเรื่องคืนไปเพราะสกอ.ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าทุนนี้จะตรงตามความต้องการของ ประเทศ หรือถ้าให้ไปแล้วจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างไร
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า เป้าหมายของการให้ทุนการศึกษาในอดีต คือต้องการสร้างคนเพื่อกลับมาทำงานพัฒนาประเทศ ซึ่งโดยหลักต้องกลับมาทำงานเป็นเวลา 2 เท่าของเวลาที่ไปเรียน อาทิ เรียน 4 ปี ต้องกลับมาใช้ทุน 8 ปี เป็นต้น และถ้าใช้ทุนไม่ครบตามเวลาที่กำหนดก็ใช้เป็นเงินแทน ซึ่งตามสัญญาจะอยู่ที่ 2-3 เท่าของเงินทุนที่ได้รับ แต่มาระยะหลังพบว่านักเรียนทุน มีปัญหาจนไม่สามารถใช้ทุนได้ในหลายสาเหตุ และผู้ค้ำซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ที่อยากสนับสนุนให้ลูกศิษย์ที่มีแวว ได้มีโอกาสไปพัฒนาตนเอง สุดท้ายก็ต้องมาใช้หนี้แทนเพราะลูกศิษย์ไม่ทำงานชดใช้ทุน
อย่างไรก็ตามตรงนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ผู้รับทุนได้ทำไว้ แต่ตามระเบียบของกรมบัญชีกลางกำหนดไว้ว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบใช้ทุนแทน แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะทุนมีหลายรูปแบบ ดังนั้นต้องไปดูสัญญาว่าระบุไว้เช่นไร ซึ่งกรณีนี้ไม่ทราบว่าสัญญาเป็นในลักษณะใดต้องไปดูที่ต้นสังกัดคือ มม. ที่จะต้องติดตาม
