พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการสลากฯว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สลาก พ.ศ.2517 เพิ่มเติม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและเห็นชอบภายใน 2-3 เดือนหลังจากนี้ โดยสาระสำคัญของการแก้กฎหมายดังกล่าวคือ จะขึ้นทะเบียนผู้ค้าลอตเตอรี่ทั่วประเทศ เพื่อจัดระเบียบให้ผู้ค้าอยู่ในระบบทั้งหมดอย่างถูกต้อง และต้องมีใบอนุญาตจำหน่าย คล้ายกับการขอใบอนุญาตการจำหน่ายสุรา บุหรี่ เพื่อให้สำนักงานสลากฯสามารถตรวจสอบการจำหน่ายลอตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากพบว่าผู้ค้าขายลอตเตอรี่เกินราคากว่าที่กำหนดไว้ใบละ 80 บาท จะถูกตัดสิทธิ์การจำน่ายลอตเตอรี่ทันที
“นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯยังเพิ่มบทลงโทษ ผู้ที่ทำให้กลไกลราคาลอตเตอรี่ผิดเพี้ยน หรือผู้ค้าคนกลาง ซึ่งจะมีบทลงโทษชัดเจน ทั้งโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท และโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ยืนยันว่าการจำหน่ายลอตเตอรี่เป็นเพียงอาชีพเสริม เพราะใช้เวลาจำหน่ายเพียง 9-10 วัน จึงอยากให้ผู้ค้าลอตเตอรี่ปรับตัวได้แล้ว ไม่ใช่จะขายลอตเตอรี่อย่างเดียว”พล.ท.อภิรัชต์กล่าว
และว่า ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการสลากฯไปศึกษาความเป็นไปได้ในการออกลอตเตอรี่อาเซียน เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ถ้าประเทศในอาเซียนเกิดภัยพิบัติสามารถนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือได้ ซึ่งเบื้องต้นจะหารือกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ถึงข้อกำหนดและความเป็นไปได้ เพราะการดำเนินงานครั้งนี้ จะเป็นออกรางวัลในสถานที่เดียว แต่สามารถถูกรางวัลได้ทั้งอาเซียน ถือเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
พล.ท.อภิรัชต์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานสลากฯได้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่กระทำผิดในการจำหน่ายลอตเตอรี่กว่า 27 ราย ทั้งที่ศูนย์การค้าสนามบินน้ำ และบริเวณสี่แยกคอกวัว ด้วยการกว้านซื้อลอตเตอรี่จากผู้ค้าทั่วไป และนำมาขายส่งในราคาแพง ส่งผลให้ราคาขายปลีกเกินกว่าใบละ 80 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อประสานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทำให้ราคาลอตเตอรี่ผิดเพี้ยนหรือไม่
ด้านพล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบหาผู้ค้าที่ขายจริง จากจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 170,000 ราย คาดว่าในจำนวนนี้มีผู้ค้าตัวจริง 100,000 ราย โดยสำนักงานสลากฯจะทยอยตรวจแผงค้าทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบเลขลอตเตอรี่ว่าเป็นการจำหน่ายจากผู้ค้าลอตเตอรี่ตัวจริงหรือไม่ หากพบว่าไม่ได้ขายจริง ก็จะตัดรายชื่อทันที เบื้องต้นคาดว่าจะมีประมาณ 10,000 ราย
ส่วนการเพิ่มลอตเตอรี่เข้ามาในระบบอีก 10 ล้านคู่หรือคิดเป็น 20 ล้านฉบับ มาในระบบสั่งซื้อ พล.ต.ฉลองรัฐเชื่อมั่นว่า จะช่วยลดปัญหาขายลอตเตอรี่เกินราคาได้ เนื่องจากผู้ที่รับลอตเตอรี่ไปจำหน่ายจะมีระยะเวลาขายสั้นเพียง 9-10 วันเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถขายส่งเหมือนที่ผ่านมาได้ โดยจะใช้เวลาทดสอบตลาดประมาณ 5 งวด แต่ถ้าพบว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาลอตเตอรี่ขายเกินราคาได้ ก็ต้องพิมพ์ลอตเตอรี่เพิ่มหรือนำลอตเตอรี่ในส่วนระบบสั่งจองเข้ามาในการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เพื่อกดดันราคาให้ปรับลดลง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากฯกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการออกสลากออนไลน์ โดยให้ศึกษาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศเทียบเคียงรายได้ประชากรเท่ากับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องดำเนินการ รองรับเศรษฐกิจดิจิตอล ตามนโยบายของรัฐบาล
“นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯยังเพิ่มบทลงโทษ ผู้ที่ทำให้กลไกลราคาลอตเตอรี่ผิดเพี้ยน หรือผู้ค้าคนกลาง ซึ่งจะมีบทลงโทษชัดเจน ทั้งโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท และโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ยืนยันว่าการจำหน่ายลอตเตอรี่เป็นเพียงอาชีพเสริม เพราะใช้เวลาจำหน่ายเพียง 9-10 วัน จึงอยากให้ผู้ค้าลอตเตอรี่ปรับตัวได้แล้ว ไม่ใช่จะขายลอตเตอรี่อย่างเดียว”พล.ท.อภิรัชต์กล่าว
และว่า ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการสลากฯไปศึกษาความเป็นไปได้ในการออกลอตเตอรี่อาเซียน เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ถ้าประเทศในอาเซียนเกิดภัยพิบัติสามารถนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือได้ ซึ่งเบื้องต้นจะหารือกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ถึงข้อกำหนดและความเป็นไปได้ เพราะการดำเนินงานครั้งนี้ จะเป็นออกรางวัลในสถานที่เดียว แต่สามารถถูกรางวัลได้ทั้งอาเซียน ถือเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
พล.ท.อภิรัชต์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานสลากฯได้ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่กระทำผิดในการจำหน่ายลอตเตอรี่กว่า 27 ราย ทั้งที่ศูนย์การค้าสนามบินน้ำ และบริเวณสี่แยกคอกวัว ด้วยการกว้านซื้อลอตเตอรี่จากผู้ค้าทั่วไป และนำมาขายส่งในราคาแพง ส่งผลให้ราคาขายปลีกเกินกว่าใบละ 80 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อประสานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทำให้ราคาลอตเตอรี่ผิดเพี้ยนหรือไม่
ด้านพล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบหาผู้ค้าที่ขายจริง จากจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 170,000 ราย คาดว่าในจำนวนนี้มีผู้ค้าตัวจริง 100,000 ราย โดยสำนักงานสลากฯจะทยอยตรวจแผงค้าทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบเลขลอตเตอรี่ว่าเป็นการจำหน่ายจากผู้ค้าลอตเตอรี่ตัวจริงหรือไม่ หากพบว่าไม่ได้ขายจริง ก็จะตัดรายชื่อทันที เบื้องต้นคาดว่าจะมีประมาณ 10,000 ราย
ส่วนการเพิ่มลอตเตอรี่เข้ามาในระบบอีก 10 ล้านคู่หรือคิดเป็น 20 ล้านฉบับ มาในระบบสั่งซื้อ พล.ต.ฉลองรัฐเชื่อมั่นว่า จะช่วยลดปัญหาขายลอตเตอรี่เกินราคาได้ เนื่องจากผู้ที่รับลอตเตอรี่ไปจำหน่ายจะมีระยะเวลาขายสั้นเพียง 9-10 วันเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถขายส่งเหมือนที่ผ่านมาได้ โดยจะใช้เวลาทดสอบตลาดประมาณ 5 งวด แต่ถ้าพบว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาลอตเตอรี่ขายเกินราคาได้ ก็ต้องพิมพ์ลอตเตอรี่เพิ่มหรือนำลอตเตอรี่ในส่วนระบบสั่งจองเข้ามาในการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เพื่อกดดันราคาให้ปรับลดลง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากฯกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการออกสลากออนไลน์ โดยให้ศึกษาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศเทียบเคียงรายได้ประชากรเท่ากับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องดำเนินการ รองรับเศรษฐกิจดิจิตอล ตามนโยบายของรัฐบาล
