นายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวภายหลังประชุมคณะทำงานติดตามความคืบหน้าฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ว่า จากการลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ พบว่าคุณภาพน้ำผิวดินอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยังคงใช้อุปโภคบริโภคได้ แต่ต้องผ่านการกรองและฆ่าเชื้อโรคก่อน ขณะที่พืชผักที่ชาวบ้านปลูก ค่าตะกั่วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยกเว้นใบกะเพรามีค่าเกินมาตรฐานในบางพื้นที่
สำหรับตะกอนท้องน้ำในลำห้วยคลิตี้บริเวณท้ายโรงแต่งแร่ ยังมีการปนเปื้อนตะกั่วในปริมาณสูง ส่งผลให้สัตว์ที่อยู่หน้าดิน เช่น ปู หอย มีระดับการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน กรมควบคุมมลพิษได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจติดตามคุณภาพและแจ้งผลให้ผู้นำชุมชน และชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการฟื้นฟูขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้ว หลังพยายามแก้ปัญหามาตั้งแต่ปี 2541 โดยจะใช้งบประมาณ 593 ล้านบาท จัดการดูดตะกอนในลำห้วยคลิตี้ ต้องทำให้ชาวบ้านหมู่บ้านคลิตี้บนและคลิตี้ล่าง ใช้น้ำอุปโภคบริโภคโดยไม่มีสารตะกั่วปนเปื้อน ซึ่งต้องนำตะกอนกว่า 40,000 คิว ออกไปกำจัดนอกพื้นที่เท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณโรงแต่งแร่ และใกล้เคียง จะต้องขุดรื้อนำไปฝังกลบอย่างปลอดภัย ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี (2559-2561) ซึ่งแผนฟื้นฟูจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ และเดือนหน้าจะส่งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอนุมัติได้ในเดือนหน้า ก่อนจะเริ่มดำเนินการได้เดือนเมษายนนี้
สำหรับสาเหตุที่ล่าช้าเกิดจากขั้นตอนราชการ แม้จะต้องทำตามคำสั่งศาลก็ตาม ตอนนี้อยู่ระหว่างปรับแก้กฎหมายให้ดำเนินการรวดเร็วขึ้นในกรณีต่อๆ ไป และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของไทยในการฟื้นฟูอาศัยเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่
ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน แสดงความเป็นห่วงสุขภาพของชาวบ้าน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่ยังคงปนเปื้อนสารตะกั่วในเลือดอยู่จนถึงทุกวันนี้ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ความสำคัญกับชาวบ้านที่ได้รับความเจ็บป่วย
สำหรับตะกอนท้องน้ำในลำห้วยคลิตี้บริเวณท้ายโรงแต่งแร่ ยังมีการปนเปื้อนตะกั่วในปริมาณสูง ส่งผลให้สัตว์ที่อยู่หน้าดิน เช่น ปู หอย มีระดับการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน กรมควบคุมมลพิษได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความเข้าใจติดตามคุณภาพและแจ้งผลให้ผู้นำชุมชน และชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
ส่วนแผนการฟื้นฟูขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้ว หลังพยายามแก้ปัญหามาตั้งแต่ปี 2541 โดยจะใช้งบประมาณ 593 ล้านบาท จัดการดูดตะกอนในลำห้วยคลิตี้ ต้องทำให้ชาวบ้านหมู่บ้านคลิตี้บนและคลิตี้ล่าง ใช้น้ำอุปโภคบริโภคโดยไม่มีสารตะกั่วปนเปื้อน ซึ่งต้องนำตะกอนกว่า 40,000 คิว ออกไปกำจัดนอกพื้นที่เท่านั้น โดยเฉพาะบริเวณโรงแต่งแร่ และใกล้เคียง จะต้องขุดรื้อนำไปฝังกลบอย่างปลอดภัย ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี (2559-2561) ซึ่งแผนฟื้นฟูจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ และเดือนหน้าจะส่งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอนุมัติได้ในเดือนหน้า ก่อนจะเริ่มดำเนินการได้เดือนเมษายนนี้
สำหรับสาเหตุที่ล่าช้าเกิดจากขั้นตอนราชการ แม้จะต้องทำตามคำสั่งศาลก็ตาม ตอนนี้อยู่ระหว่างปรับแก้กฎหมายให้ดำเนินการรวดเร็วขึ้นในกรณีต่อๆ ไป และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของไทยในการฟื้นฟูอาศัยเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่
ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน แสดงความเป็นห่วงสุขภาพของชาวบ้าน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่ยังคงปนเปื้อนสารตะกั่วในเลือดอยู่จนถึงทุกวันนี้ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบให้ความสำคัญกับชาวบ้านที่ได้รับความเจ็บป่วย