ซาอุดีฯประกาศยุติเที่ยวบินพาณิชย์และการเดินทางติดต่อทางอากาศทั้งหมดกับอิหร่าน รวมทั้งห้ามพลเมืองเดินทางไปประเทศคู่อริแห่งนั้นด้วย ขณะที่เมื่อวันอังคาร (5 ม.ค.) คูเวตเป็นอีกรายหนึ่งซึ่งเข้าร่วมวงชาติอาหรับสุหนี่ริมอ่าวเปอร์เซียรายอื่นๆ ในการประท้วงเหตุโจมตีสถานทูตซาอุดีฯในกรุงเตหะราน ชัยชนะทางการทูตของซาอุดีฯยังเห็นชัดจากการที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นออกคำแถลงประณามรุนแรงเรื่องบุกสถานทูต แต่งดพาดพิงถึงกรณีที่ซาอุดีฯ ประหารนักการศาสนาชีอะต์ที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตการทูตตะวันออกกลางในขณะนี้ ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่อเมริกาหมกมุ่นกับการทำหมันโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน กำลังบ่อนทำลายความสัมพันธ์และอิทธิพลของแดนอินทรีในตะวันออกกลางอย่างชัดเจน และความขัดแย้งระหว่างริยาดกับเตหะรานจะทำให้ความพยายามแก้ไขวิกฤตในซีเรียและเยเมนสะดุดติดขัด
ในวันอังคาร (5) คูเวตเรียกตัวเอกอัครราชทูตของตนกลับจากอิหร่าน ทว่าไม่ได้ขับเอกอัครราชทูตอิหร่าน หรือลดระดับความสัมพันธ์กับเตหะรานแต่อย่างใด หลังจากก่อนหน้านั้น บาห์เรนทำตามซาอุดีอาระเบีย โดยประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก็เรียกเอกอัครราชทูตของตนกลับประเทศ พร้อมลดระดับความสัมพันธ์กับเตหะราน
ซาอุดีฯ บาห์เรน คูเวต และยูเออี ล้วนเป็นสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย เช่นเดียวกับโอมานและกาตาร์
กระทรวงการต่างประเทศคูเวตแถลงว่า การโจมตีสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีฯในกรุงเตหะรานและสถานกงสุลซาอุดีฯในเมืองมัชฮาด ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ รวมทั้งละเมิดพันธสัญญาที่อิหร่านให้ไว้กับนานาชาติในการปกป้องความปลอดภัยของคณะทูตและนักการทูต
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ (3) ริยาดตัดสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมขับเอกอัครราชทูตอิหร่านออกนอกประเทศภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อตอบโต้การโจมตีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของตน นอกจากนี้ ยังยุติเที่ยวบินพาณิชย์และการเดินทางติดต่อทางอากาศทั้งหมดกับอิหร่าน รวมทั้งห้ามพลเมืองซาอุดีฯ เดินทางไปอิหร่าน
วันถัดมา อับดุลเลาะห์ อัล-มูอัลลิมี เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหประชาชาติ ยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งหมด เพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงกับสำนักงานการทูต และปกป้องนักการทูตซาอุดีฯ ทั้งหมดในอิหร่าน
ขณะเดียวกัน ริยาดกล่าวปกป้องการประหารชีวิตนักโทษ 47 คน ซึ่งรวมถึง ชัยค์ นิมรา อัล-นิมรา นักการศาสนาคนสำคัญของฝ่ายชีอะห์ อันเป็นชนวนทำให้เกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงในหมู่ชาวชีอะห์ประเทศต่างๆ โดยระบุในจดหมายที่ส่งถึงบัน คี-มุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นว่า คนเหล่านั้นได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ไม่มีการคำนึงถึงภูมิปัญญา เชื้อชาติ หรือศาสนาแต่อย่างใด
อัลเบอร์โต เฟอร์นันเดซ อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันและปัจจุบันทำงานให้กับสถาบันวิจัยสื่อตะวันออกกลาง ชี้ว่า วิกฤตครั้งนี้พิสูจน์ว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์คณะบริหารประธานาธิบดีบารัค โอบามา นั้น ถูกต้องตรงเผง กล่าวคือ ไม่มีทางที่อเมริกาจะฟื้นสัมพันธ์กับเตหะรานได้โดยไม่ทำให้พันธมิตรเดิมในตะวันออกกลางขุ่นเคือง เนื่องจากข้อตกลงระงับโครงการนิวเคลียร์เป็นคนละเรื่องกับกิจกรรมก้าวร้าวอื่นๆ ของเตหะรานในภูมิภาคดังกล่าว
นักวิเคราะห์ยังลงความเห็นว่า ไม่ว่าวอชิงตันจะเดินหมากอย่างไรต่อไปนอกเหนือจากการเรียกร้องให้สองฝ่ายสงบศึก แต่วิกฤตการทูตครั้งนี้จะบานปลายอีกหลายปีและก่อกวนการเจรจาสันติภาพซีเรียอย่างแน่นอน
ในวันอังคาร (5) คูเวตเรียกตัวเอกอัครราชทูตของตนกลับจากอิหร่าน ทว่าไม่ได้ขับเอกอัครราชทูตอิหร่าน หรือลดระดับความสัมพันธ์กับเตหะรานแต่อย่างใด หลังจากก่อนหน้านั้น บาห์เรนทำตามซาอุดีอาระเบีย โดยประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก็เรียกเอกอัครราชทูตของตนกลับประเทศ พร้อมลดระดับความสัมพันธ์กับเตหะราน
ซาอุดีฯ บาห์เรน คูเวต และยูเออี ล้วนเป็นสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย เช่นเดียวกับโอมานและกาตาร์
กระทรวงการต่างประเทศคูเวตแถลงว่า การโจมตีสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีฯในกรุงเตหะรานและสถานกงสุลซาอุดีฯในเมืองมัชฮาด ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ รวมทั้งละเมิดพันธสัญญาที่อิหร่านให้ไว้กับนานาชาติในการปกป้องความปลอดภัยของคณะทูตและนักการทูต
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ (3) ริยาดตัดสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมขับเอกอัครราชทูตอิหร่านออกนอกประเทศภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อตอบโต้การโจมตีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของตน นอกจากนี้ ยังยุติเที่ยวบินพาณิชย์และการเดินทางติดต่อทางอากาศทั้งหมดกับอิหร่าน รวมทั้งห้ามพลเมืองซาอุดีฯ เดินทางไปอิหร่าน
วันถัดมา อับดุลเลาะห์ อัล-มูอัลลิมี เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหประชาชาติ ยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งหมด เพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงกับสำนักงานการทูต และปกป้องนักการทูตซาอุดีฯ ทั้งหมดในอิหร่าน
ขณะเดียวกัน ริยาดกล่าวปกป้องการประหารชีวิตนักโทษ 47 คน ซึ่งรวมถึง ชัยค์ นิมรา อัล-นิมรา นักการศาสนาคนสำคัญของฝ่ายชีอะห์ อันเป็นชนวนทำให้เกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงในหมู่ชาวชีอะห์ประเทศต่างๆ โดยระบุในจดหมายที่ส่งถึงบัน คี-มุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นว่า คนเหล่านั้นได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ไม่มีการคำนึงถึงภูมิปัญญา เชื้อชาติ หรือศาสนาแต่อย่างใด
อัลเบอร์โต เฟอร์นันเดซ อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันและปัจจุบันทำงานให้กับสถาบันวิจัยสื่อตะวันออกกลาง ชี้ว่า วิกฤตครั้งนี้พิสูจน์ว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์คณะบริหารประธานาธิบดีบารัค โอบามา นั้น ถูกต้องตรงเผง กล่าวคือ ไม่มีทางที่อเมริกาจะฟื้นสัมพันธ์กับเตหะรานได้โดยไม่ทำให้พันธมิตรเดิมในตะวันออกกลางขุ่นเคือง เนื่องจากข้อตกลงระงับโครงการนิวเคลียร์เป็นคนละเรื่องกับกิจกรรมก้าวร้าวอื่นๆ ของเตหะรานในภูมิภาคดังกล่าว
นักวิเคราะห์ยังลงความเห็นว่า ไม่ว่าวอชิงตันจะเดินหมากอย่างไรต่อไปนอกเหนือจากการเรียกร้องให้สองฝ่ายสงบศึก แต่วิกฤตการทูตครั้งนี้จะบานปลายอีกหลายปีและก่อกวนการเจรจาสันติภาพซีเรียอย่างแน่นอน