เอเจนซีส์ / MGR online - บัน คี-มุน เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ เผยผ่านโฆษกในวันจันทร์ (4 ม.ค.) โดยระบุการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านของทางการซาอุดีอาระเบียเป็นประเด็นร้อนทางการทูตที่กำลังสร้างความกังวลอย่างยิ่งยวด
สเตฟาน ดูยาร์ริช โฆษกยูเอ็นกล่าวต่อผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (4) โดยระบุ เลขาธิการใหญ่ชาวเกาหลีใต้มีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ร้อนระอุและความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานหนักระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน ที่นำไปสู่การประกาศของรัฐบาลริยาดในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลเตหะราน
โฆษกองค์การสหประชาชาติยังระบุด้วยว่า เลขาธิการยูเอ็นได้แสดงความกังวลดังกล่าวระหว่างการต่อสายโทรศัพท์ไปพูดคุยกับอาเดล อัล-ญูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์ (4) และได้สนทนาด้วยวิธีการเดียวกันนี้กับโมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (3) ที่ผ่านมา โดยบันได้เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหลีกเลี่ยงความเคลื่อนไหวใดๆ ที่อาจขยายวงความขัดแย้งและทำให้สถานการณ์บานปลายออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จนอาจลุกลามไปสู่ความขัดแย้งใหญ่ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้ อาเดล อัล-ญูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย แถลงในวันอาทิตย์ (3 ม.ค.) โดยยืนยันว่าซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านหลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านบุกเข้าโจมตีสถานเอกอัครราชทูตซาอุฯ ในกรุงเตหะราน
นอกเหนือจากการประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาลริยาดกับเตหะรานแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตทั้งหมดของอิหร่านต้องเดินทางออกจากแผ่นดินซาอุฯ ภายใน 48 ชั่วโมง
การประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียในการตัดความสัมพันธ์ทางการ ทูตกับอิหร่านในคราวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดต่ำสุดของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองที่ตึงเครียดมายาวนานหลายทศวรรษ โดยที่รัฐบาลซาอุฯ ซึ่งถือเป็นผู้นำโลกมุสลิมฝ่ายสุหนี่มักกล่าวหาอิหร่านที่เป็นผู้นำชาติมุสลิมฝ่ายชีอะห์ว่ากระทำการแทรกแซงกิจการของโลกอาหรับ
เมื่อวันเสาร์ (2 ม.ค.) กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธแค้นพากันบุกกรูเข้าไปยังที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะราน ก่อนจุดไฟเผาส่วนหนึ่งของอาคารสถานทูต หลังจากที่รัฐบาลริยาดทำการประหารชีวิตอิหม่ามนิกายชีอะห์ชื่อดัง “ชีค นิมรา อัล-นิมรา” ที่มีชื่อเสียงในฐานะนักวิพากษ์วิจารณ์ฝีปากกล้า ต่อการปกครองที่กดขี่ของทางการซาอุดีอาระเบียต่อชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมชาวชีอะห์ในประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงที่โกรธแค้นพากันขว้างระเบิดเพลิง เข้าไปภายในสถานเอกอัครราชทูตซาอุฯ ในกรุงเตหะราน ก่อนจะสามารถบุกเข้าไปภายในได้ และจากนั้นการทุบทำลายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน ตลอดจนหน้าต่างของอาคารสถานทูตซาอุฯ ก็ได้เปิดฉากขึ้นอย่างบ้าคลั่ง โดยผู้ประท้วงหลายรายได้ช่วยกันจุดไฟเผาห้องห้องหนึ่งภายในอาคารก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของอิหร่านจะเดินทางมาถึง และทำการผลักดันผู้ประท้วงออกไปนอกพื้นที่และเริ่มทำการดับเพลิงที่ลุกไหม้
เหตุบุกสถานทูตซาอุฯ ใจกลางเมืองหลวงของอิหร่านในครั้งนี้ถือเป็นปฏิกิริยาต่อเนื่อง หลังจากที่ทางการซาอุฯ ทำการประหารชีวิตหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งผู้ที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ประกอบด้วย ชีค นิมรา อัล-นิมรา พร้อมกับชายอีก 47 คนในข้อหาเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย นำมาซึ่งเสียงประณามจากรัฐบาลอิหร่าน และบรรดาพันธมิตรชีอะห์ทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2015 ศาลสูงสุดของซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์โทษประหารชีวิตแก่นิมรา ที่เป็นหนึ่งในผู้นำการเรียกร้องให้มีการชุมนุมสนับสนุนประชาธิปไตยในซาอุดีอาระเบีย ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมตัวได้ในปี 2012 นำไปสู่การประท้วงหลายครั้งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย
ชีค นิมรา อัล-นิมรา ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีทักษะในการพูดในจังหวัดกอตีฟ ทางตะวันออกของซาอุฯ และเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้าต่อการปกครองของราชวงศ์อัล-ซาอุดที่เป็นพวกมุสลิมสุหนี่
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยซาอุฯ ได้กล่าวหาเขาว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีร่วมกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยอื่นๆ ที่ระบุว่าทำงานในนามของกลุ่มมุสลิมชีอะห์สุดโต่งจากอิหร่าน ซึ่งถือเป็นอริหมายเลขหนึ่งของซาอุดีอาระเบียในภูมิภาคตะวันออกกลาง